AEC..."มท.1 " ="ปลัดป๊อป" ประชุมผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามผลขับเคลื่อนภารกิจมหาดไทย ย้ำ 5 นโยบายหลัก สกัดกลุ่มลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ธุรกิจสีเทา ชี้ต้องไม่มีต่างชาติรังแกคนไทย ใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านลุยให้ความรู้ป้องกันภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมกำชับเลือกตั้งท้องถิ่นข้าราชการวางตัวเป็นกลาง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ โดย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ "ปลัดป๊อป" ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมมอบแนวทางฯ ด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจมาพบปะและประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบพร้อมหน้าเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย เห็นทัศนคติ และความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งตนเน้นย้ำเสมอว่า ผู้ว่าฯ ต้องเป็นทั้งนักปกครองและนักบริหาร ทำหน้าที่เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยประสบความสำเร็จด้วยการใช้อำนาจหน้าที่มาเกื้อหนุนกัน หากขาดเหลือสิ่งใดขอให้ประสานรับการสนับสนุนมายังส่วนกลาง
"พวกเราทำงานโดยภารกิจหน้าที่เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน ซึ่งหากพวกเรานำสำนวนสุภาษิตภาษาอังกฤษที่ว่า "There is no limit to what a man can do or where he can go if he doesn’t mind who gets the credit. : หากเราไม่สนใจในเรื่องเครดิตหรือหน้าตาแล้ว เราทำอะไรก็ได้ ไปที่ไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด" อันหมายความว่า ไม่มีใครทำอะไรให้เราปลื้มใจได้เท่ากับตัวเราเอง ไม่ต้องให้ใครชม แต่เราบอกกับตัวเองว่า เมื่อเราทำสิ่งที่ดีแล้วเราได้เห็นพี่น้องประชาชนยิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะ มีความสุข เราก็ปลื้มใจ"
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้นำนโยบายด้านการบริหารงานบุคคลส่วนภูมิภาค ด้วยการกำหนดกลุ่มภารกิจของรองผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีความชัดเจนและสนองตอบต่อสภาพสังคมปัจจุบัน รวม 4 ด้าน คือ รองผู้ว่าฯ ด้านความมั่นคง ด้านบริหาร ด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านเศรษฐกิจ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจฐานราก
รมว.มหาดไทย ได้เน้นย้ำนโยบาย 5 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1) การจัดระเบียบสังคม ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ใช้อิทธิพลไปข่มขู่ผู้ที่มีกำลังน้อยกว่า ควบคู่การปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การแฝงตัวของนักธุรกิจต่างชาติมาทำธุรกิจสีเทาหรือธุรกิจมืดจนกระทบคนไทยที่ทำมาหากินโดยสุจริต และต้องไม่ให้เกิดกรณีคนต่างชาติมาข่มเหงประชาชนคนไทยเป็นอันขาดและต้องไม่มีตลอดไป ศักดิ์ศรีความเป็นคนไทยต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด
2) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ฝ่ายปกครองต้องสนธิกำลังปราบปราม ป้องกัน สกัดกั้น และทำลายให้เข้มข้นต่อเนื่อง "การ์ดต้องไม่ตก 3) การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการเพิ่มช่องทางและหาตลาด หาโอกาสให้ประชาชนสามารถหารายได้เพิ่มขึ้น 4) การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน โดยไม่มีคำว่าเที่ยวเมืองรอง ต้องทำให้เมืองทุกเมืองเป็นเมืองหลักของการท่องเที่ยว และ 5) น้ำดื่มสะอาด ที่ทุกจังหวัดต้องทำให้มีน้ำดื่มสะอาดบริการประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ด้วยการร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และกลไกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การป้องกันและแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ว่า ผู้ว่าฯ ต้องกำชับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้สร้างความรู้ให้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ส่วนประเด็นที่มีการะบุว่าาคอลเซ็นเตอร์อยู้ได้ด้วยการส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในประเทศไทยก็ไม่เป็นจริง เพราะการส่งไฟฟ้าไปขายประเทศเพื่อนบ้านต้องมีข้อตกลงทวิภาคี โดยหน่วยงานที่ซื้อกระแสไฟฟ้าจะต้องได้รับอนุญาตและรับสัมปทานจากประเทศปลายทางตามข้อตกลงทวิภาคี และต้องได้รับการยืนยันจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศไทย กฟภ. จึงสามารถจำหน่ายไฟให้กับหน่วยงานนั้น ๆ ได้
"คนมหาดไทยทำงานด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำงานด้วยความรวดเร็ว และไม่ว่าเรื่องใด ๆ หากต้องขับเคลื่อนในพื้นที่จังหวัดก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบของคนมหาดไทย เพราะผู้ว่าฯ ต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนทุกภารกิจในพื้นที่จังหวัด ผู้ว่าฯ คือทุกสิ่งทุกอย่างในจังหวัดที่ต้องทำให้ประชาชนทุกคนมีความสุข ส่วนกลางพร้อมให้การสนับสนุนทุกเรื่องตามขั้นตอนกฎหมาย มีสุจริตเป็นที่ตั้ง ทำหน้าที่ให้สมกับพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการประจำกับข้าราชการการเมืองต่างก็ต้องทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ถ้าทำงานไม่ตรงกัน ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน คนที่เสียประโยชน์ คือ ประชาชน" นายอนุทิน กล่าว ในส่วนการสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เน้นย้ำว่าข้าราชการทุกคนต้องวางตัวเป็นกลาง และหากมีผู้จะตรวจสอบเรื่องใดใดเป็นพิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย ต้องทำให้การเลืกตั้งเกิดความเป็นธรรม ด้วยกลไกปลัดอำเภอ ฝ่ายปกครอง และข้าราชการในอำเภอ ต้องไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีการใช้อำนาจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ด้าน นาย อรรษิษฐ์. สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เชิญพระโอวาทของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี เป็นเครื่องเตือนใจผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการทุกคน ความว่า "การเลือกใช้คนให้เหมาะแก่ตำแหน่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เป็นนายคน การที่จะรู้ว่าถูกหรือผิดนั้นจะต้องขยันเอาใจใส่อยู่เสมอว่าผลงานที่เขาทำนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเขาทำได้ดีก็ต้องยอมให้ว่าเป็นความดีของเขาเอง เราจะรับเอาได้แต่เพียงว่าเลือกคนถูก ถ้าเขาทำผิดเราต้องรับเสียเองว่า เพราะเราเลือกเขา เขาจึงมีโอกาสทำผิด ทั้งนี้อำนาจอยู่ที่ไหน ความรับผิดชอบต้องอยู่ที่นั่นด้วย" จึงขอให้ท่านผู้ว่าฯ ช่วยกัน และใช้ประสบการณ์ต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนงาน เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน
การประชุมในครั้งนี้ นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมมอบแนวทางการทำงาน โดย นายณรงค์ จีนอ่ำ นายทศพล เผื่อนอุดม นายชยชัย แสงอินทร์ นายสันติ รังษิรุจิ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมประชุมด้วย
ภาพ/ข่าว บิ๊กตู่ AEC แม่สอด
พิภพ ลูกพระยาตาก ข่าวออนไลน์
สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดตาก สมาคมสื่อมวลชนภาคเหนือ รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น