วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า รุกคืบ….. ส่งชุดขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขไฟป่าหมอกควัน 3 มณฑลทหารบก สร้างการรับรู้ความร่วมมือป้องกันไฟป่า ปี 65 ในจังหวัดตาก จังหวัดพะเยา และจังหวัดลำปาง


กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า รุกคืบ….. ส่งชุดขับเคลื่อนการป้องกันแก้ไขไฟป่าหมอกควัน 3 มณฑลทหารบก สร้างการรับรู้ความร่วมมือป้องกันไฟป่า ปี 65 ในจังหวัดตาก จังหวัดพะเยา และจังหวัดลำปาง 

ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน มณฑลทหารบกที่ 37 เข้าพบปะ นายเฉลิม ณ สุวรรณ กำนัน หมู่ที่ 6 บ้านห้วยส้าน ตำบลโปร่แพร่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ พร้อมทั้งมอบแผ่นซีดีโปสเตอร์, แผ่นพับ เพื่อประชาสัมพันธ์ ผ่านหอกระจายเสียงประจำหมู่บ้านและติดประกาศประชาสัมพันธ์บริเวณ ศูนย์กระจายข่าวประชาสัมพันธ์ของหมู่บ้าน บ้านห้วยส้าน ตำบลโปร่แพร่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงรายนอกจากนี้ พลตรี เทอดศักดิ์  งามสนอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 310 /ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 310 มอบหมายให้ ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน มณฑลทหารบกที่ 310 ลงพื้นที่ พบปะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านศรีคีรีรักษ์ (ปางสังกะสี) และพบปะราษฎร  หมู่ที่ 11 ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก  , พบปะราษฎร ตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก      เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์การป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ จังหวัดตาก และเป็นกระบอกเสียงในการสร้างการรับรู้และปลูกจิตสำนึกให้ความรู้ความเข้าใจแก่ราษฎรในพื้นที่เฝ้าระวัง รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ " 61 วัน อันตราย ห้ามเผาเด็ดขาด " ห้วงวันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2565 และบทลงโทษตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน  มณฑลทหารบกที่  34 ลงพื้นที่พบปะประสานงานกับ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 12 บ้านชนแดน ตำบลบ้านร้อง  อำเภองาว จังหวัดลำปาง  ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รอยต่อระหว่าง จังหวัดลำปาง กับ จังหวัดพะเยา   ประสานขอความร่วมมือในการกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ ประกาศเสียงตามสายในชุมชน/หมู่บ้าน ในการรณรงค์สร้างการรับรู้การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน พร้อมมอบสื่อประชาสัมพันธ์โปสเตอร์ แผ่นพับ เพื่อให้ผู้นำชุมชนประชาสัมพันธ์บอกเล่าข่าวให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ



















ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) ข่าวทั่วไทยออนไลน์ น.ส.พ.ข้าแผ่นดินสยาม ข่าวคมชัด aec-tv-online  รอบวันทันข่าว  0831671688 รายงาน


"ส่งกำลังใจให้เพื่อนทหารหาญ " ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38  ลงพื้นที่ มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับ ทหารผ่านศึก 

พลตรี คณิศร  อาสมะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 นำเจ้าหน้าที่ สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตน่าน  และชุดแพทย์โรงพยาบาลค่ายสุริยพงษ์ ลงพื้นที่ มอบสิ่งของอุปโภค - บริโภค ถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าห่มกันหนาว เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย และกล่องยาเวชภัณฑ์ ให้กับทหารผ่านศึก ในจังหวัดน่าน จำนวน 2 ราย คือ 

ร้อยตรี สนิท  แก้วทะนะ  ทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 1 บ้านเลขที่ 25   หมู่ที่ 12 ตำบลฝายแก้ว และ สิบโท ผดุง  ทะนะนา ทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 1 บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 3 ตำบลนาซาว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน  สร้างความซาบซึ้งใจที่กองทัพบก ไม่ลืมวีรกรรมคุณความดีและความเสียสละของอดีตทหารหาญ เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2565 











#กองทัพบกเคียงข้างประชาชน

💂‍♂🇹🇭 เชิดชูเกียรติทหารกล้า 3 กุมภาพันธ์ #วันทหารผ่านศึก 💚


กองพันทหารม้าที่ 12 กองพลทหารม้าที่ 1 ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดแพร่ เข้าพบปะเยี่ยมเยือนให้กำลังใจทหารผ่านศึก จำนวน 5 นาย

1. พลทหารจริต ศาลาคาม เคยเข้าร่วมสมรภูมิปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ณ ฐานปฏิบัติการบ้านน้ำรี - บ้านน้ำช้าง จ.น่าน ในปี พ.ศ.2524 และได้ปลดประจำการเนื่องจากเหยียบกับระเบิด ทำให้ขาซ้ายขาด ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 9 ต.กาญจนา อ.เมือง จ.แพร่

2. พลทหารสุพัฒน์ วังมี เคยเข้าร่วมสมรภูมิปัญหาสามหมู่บ้าน และสมรภูมิร่มเกล้า และได้ปลดประจำการเนื่องจากเหยียบกับระเบิด ทำให้ขาขวาขาด ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 4 ต.สวนเขื่อน อ.เมือง จ.แพร่

3. พลทหารปรีชา วิเชียรกันทา เคยเข้าร่วมสมรภูมิปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 61/1 บ้านทุ่งอ่วน ต.กาญจนา อ.เมือง จ.แพร่

4. พลทหารสุรพล ศรีนาถ เคยเข้าร่วมสมรภูมิปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ อ.เขาค้อ จ.เพรชบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 99 บ้านกาญจนา ต.กาญจนา อ.เมือง จ.แพร่

5. พลทหารปั๋น สีตื้อ เคยเข้าร่วมสมรภูมิปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ อ.ทุ้งช้าง จ.น่าน ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 8 ต.สวนเขื่อน อ.เมือง จ.แพร่ และได้ป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท จึงไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้

ในการนี้ ท่านได้บอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์การปฏิบัติหน้าที่อันกล้าหาญของทหารในสมรภูมิต่างๆ ทราบว่ามีเหล่าทหารกล้าผู้ซึ่งเสียสละแม้กระทั่งชีวิต และได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย จำนวนมาก

ทั้งนี้เพื่อรำลึก และสดุดี ถึงความเสียสละของทหารกล้าในการปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2565 พร้อมมอบสิ่งอุปโภค บริโภค และผ้าห่มกันหนาว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)







#เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน  #วันทหารผ่านศึก

#3กุมภาพันธ์

กองร้อยทหารพรานที่ 3505 ลาดตระเวนสกัดลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย พบ 16 คน ซุกซ่อนป่าอำเภอแม่ระมาด รอเดินทางไปทำงาน กทม. หลังเพื่อน 17 คนเล็ดลอดไปทำงานก่อน.....



กองร้อยทหารพรานที่ 3505 ลาดตระเวนสกัดลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย พบ 16 คน ซุกซ่อนป่าอำเภอแม่ระมาด รอเดินทางไปทำงาน กทม. หลังเพื่อน 17 คนเล็ดลอดไปทำงานก่อน.....

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 กองร้อยทหารพรานที่ 3505 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ออกทำการลาดตระเวนตามเส้นทางเดินทางอ้อมผ่านจุดตรวจบ้านพะละ ต่อมาได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด ประจำจุดตรวจ  (ป้อมหนองหลวง) ว่า เมื่อ 31 มกราคม 2565 เวลา 02.00 น.  โดยประมาณ ได้มีรถกระบะ จำนวน 2 คัน ลักษณะขับตามกันมาเมื่อถึงบริเวณ จุดตรวจบ้านพะละ รถคันแรกเห็นเจ้าหน้าที่ทำการตั้งด่านตรวจ จึงหยุดรถกระทันหัน ทำให้รถคันที่ขับตามมา เกิดชนท้ายรถคันแรก  และจากนั้นได้ถอยรถกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจ ส่วนรถยนต์คันแรก คนขับได้จอดรถยนต์ทิ้งไว้ พร้อมกับสัมภาระของแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด เพื่อติดตามตัวเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวมีดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเมื่อ เวลา 10.30  น.  ในระหว่างกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 3505 ได้ทำการลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบตามเส้นทางอ้อมด่านตรวจอยู่นั้น ได้ตรวจพบแรงงานต่างด้าว จำนวน 1 คน เป็นชาย  บริเวณข้างทางหลวงหมาเลข 1175 แม่ระมาด - บ้านตาก บ้านหนองหลวง หมู่ 3 ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก จากการสอบถาม แรงงานต่างด้าวคนดังกล่าวไม่สามารถพูดสื่อสารภาษาไทยได้    กำลังพลจึงได้สื่อสารด้วยภาษาพม่า ทราบว่าชายคนดังกล่าวกำลังมารอรถยนต์มารับ พร้อมกับพวกที่รออยู่บนเขาอีก จำนวน 15 คน (รวม 16 คน) แต่งเป็นชาย จำนวน 8 คนและเป็นหญิง จำนวน 8 คน ชุดจับกุมจึงแสดงตนเป็นผู้นำพาแจ้งให้แรงงานต่างด้าวดังกล่าวทราบ ว่า ได้เดินทางมารับให้นำไปพบแรงงานที่เหลืออยู่บนเขา เพื่อพามารอขึ้นรถ บริเวณข้างทางหลวงหมายเลข 1175 

จากการสอบถามแรงงานต่างด้าวดังกล่าว เบื้องต้นทราบว่า แรงงานต่างด้าวมีทั้งหมด จำนวน 33 คน ทราบว่า แรงงานส่วนหนึ่งได้เดินทางไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา จำนวน 17 คน สัมภาระบางส่วนของแรงงานต่างด้าว ทั้ง 16 คน ถูกขนย้ายไปกับแรงงานที่เดินทางไปเมื่อคืนที่ผ่านมา แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาดังกล่าว ได้เดินทางมาจากจังหวัดเมียวดี ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา  โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ด้วยเรือหางยาวข้ามมาฝั่งประเทศไทย ต่อจากนั้นจะมีรถมารับ และนำมาส่ง บริเวณข้างทาง และเดินเท้าเพื่ออ้อมจุดตรวจจุดสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ซึ่งจะใช้ในลักษณะการเดินในเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันจะนอนพักผ่อนตาม ป่าเขา เพื่อเข้าไปทำงานที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยเสียค่าใช้จ่าย คนละ 20,000 -25,000 บาท บางส่วนจ่ายเงินแล้ว บางส่วนจ่ายเมื่อถึงที่หมายปลายทาง

จากนั้นต่อมา เมื่อ เวลา 14.30 น. กำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 3505 จึงได้ประสาน  ขอรับการสนับสนุน ชุดสนัขทหารจากกองกำลังนเรศวร เข้าร่วมทำการตรวจค้นหาแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีจากการจับกุม เมื่อ เวลา 02.00 น.  ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่พบแรงงานดังกล่าว  หน่วยจึงได้ประสานงานบูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด เข้าดำเนินการจับกุมแรงงานต่างด้าว นำตัวส่ง โรงพยาบาลแม่ระมาด เพื่อคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(covid19) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป












ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  (นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร) ข่าวทั่วไทยออนไลน์ น.ส.พ.ข้าแผ่นดินสยาม ข่าวคมชัด aec-tv-online  รอบวันทันข่าว  0831671688 รายงาน


เปิดแล้วงานมนัสการรอบพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ จันทบุรีภายใต้มาตรการป้องกันโควิด - 19


เปิดแล้วงานมนัสการรอบพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ จันทบุรีภายใต้มาตรการป้องกันโควิด - 19 

วันนี้ ( 31 ม.ค.65 ) ที่วัดพลวง พระครูประดิษฐ์ศาสนการ เจ้าอาวาสวัดทุ่งตาอินท์ ประธานที่ปรึกษากองทุนนิธิพระพุทธบาทพลวง นำพุทธศาสนิกชน นักแสวงบุญร่วมพิธีแสดงมุทิตาจิต ขอพร หน้ารูปเหมือนบูรพาจารย์และกล่าวคำสักการะบูรพาจารย์ที่บุกเบิกงานนมัสการรอบพรุทธบาทพลวงให้การจัดงานเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรีปีนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น หลังหยุดมา 1 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 หลังจากนั้น ที่บริเวณสันเขื่อนพลวง นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้นำหัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ประชาชน นักแสวงบุญร่วมพิธีบวงสรวง ปิดป่าเปิดเขาโดย พระครูประดิษฐ์ศาสนการ เจ้าอาวาสวัดทุ่งตาอินท์ ประธานที่ปรึกษากองทุนนิธิพระพุทธบาทพลวงเป็นประธานสวดคาถา ปิดป่า ทั้งนี้งานเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ที่เคยจัดขึ้นเป็นประจำแต่ต้องมาหยุดเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากสถานการณ์โควิด - 19 และในปีนี้ คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดจันทบุรี หรือ ศปก.จังหวัดจันทบุรีได้อนุญาตให้มีการจัดงานได้ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด – 19 อย่างเคร่งครัด และต้องจองผ่านแอป QueQ ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้นไม่รับ Walkin หน้างาน โดยผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มโดยแสดงเอกสารรับรองการรับวัคซีนหรือการยืนยันจากแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม / แสดงเอกสารรายงานผลการตรวจโควิด -19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid Antigan test หรือ ATK ไม่เกิน 3 วัน จากสถานพยาบาลของรัฐ หรือ สถานพยาบาลเอกชนที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองแสดงผลทดสอบว่าไม่พบเชื้อ / กรณีผู้ที่เคยป่วยโควิด -19 ที่ได้รับการรักษาหายแล้วต้องมีเอกสารรับรองผลการตรวจรักษาว่าหายป่วยมาแล้วไม่เกิน 90 วัน ผู้ที่จะขึ้นไปบนเขาต้องปฏิบัติตามมาตรการและระเบียบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ อย่างเคร่งครัด การจองคิวรถเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาสามารถจองได้ 2 คิว ผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ โดยมีขั้นตอนรวม 4 ขั้นตอนทั้งนี้คิวรถที่จะให้บริการขึ้นไปบนเขามี 2 คิว คือคิววัดพลวง มีรถบริการจำนวน 111 คิว และคิววัดกระทิงมีรถบริการ 31 คิว โดยจะสมารถขึ้นไปบนยอดเขาได้รอบละ 4,000 คน วันละ 4 รอบ รวมวันละ 16,000 คน อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้บูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อรองรับนักแสวงบุญที่จะหลั่งไหลมาขึ้นเขานมัสการรอบพุทธบาท มีการตั้งชุดเคลื่อนที่ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ ในการทำความสะอาดป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสร่วมกันอาทิ ห้องน้ำสาธารณะ คิวรถ เส้นทางเดินราวสะพาน เป็นต้นสร้างความเชื่อมั่น ปลอดภัยแก่นักแสวงบุญ แต่ก็ขอให้ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการรอบพระพุทธบาทพลวงบนยอดเขาคิชฌกูฏต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันตัวเองไม่ประมาท 












ภาพ/ข่าว ดนุชเดช ทองเปรม

“ประชาธิปัตย์”ยุค“เฉลิมชัย”เร่งวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าอัพเกรดศักยภาพประเทศใหม่ “อลงกรณ์”หวัง“ครม.ใหม่”เร่งแก้ปัญหา”โลกร...