วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. นครปฐม จับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.)


วันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 20.00 น. จับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการ พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ , พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการให้ ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทาง ด.ต.จิตรธวัช สุวรรณโชติ, ด.ต.อมรรัตน์ ทริเพ็ง, จ.ส.ต.ศรายุทธ ชิวปรีชา, จ.ส.ต.ชนวีร์ ประคองจิตต์ ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ2กองบังคับการตำรวจทาง ได้จับกุม น.ส.วิจิตาฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 104/2567 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ในความในความผิดฐาน “หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังเช่นว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวงและฉ้อโกงผู้อื่น”ก่อนจับกุม น.ส.วิจิตาฯ ผู้ต้องหา ได้โพสต์ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างว่าตนเองเป็น นายหน้าสามารถพาคนไปทำงานพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ประเทศสิงคโปร์ และอีกหลายประเทศได้และสามารถวิ่งทำวีซ่าได้ ต่อมาเมื่อมีผู้สนใจติดต่อมาจะทำทีเป็นขอข้อมูลส่วนตัวอ้างว่าจะไปทำเอกสารในการเดินทางออกนอกประเทศและเรียกเก็บค่านายหน้าในการดำเนินการเป็นเงินจำนวนประมาณ 4-5 แสนบาท แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมายในการเดินทาง ผู้ต้องหากลับไม่เดินทางมาตามนัดหมาย ต่อมาน.ส.วิจิตาฯ ได้ถูกกลับไม่เดินทางมาตามนัดหมาย ต่อมาน.ส.วิจิตาฯ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์จับกุมดำเนินคดี แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาหลบหนีในชั้นศาลอีก ศาลเลยออกหมายจับอีกครั้ง กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสืบสวนทราบว่า น.ส.วิจิตาฯ จะเดินทางมาโดยรถโดยสารสาธารณะผ่านยังที่บริเวณริมถนนพระราม 2 ขาออก ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าตำรวจจึงได้ลงพื้นที่จับกุมได้ดังกล่าว โดยขณะเข้าจับกุม น.ส.วิจิตาฯ ยืนยันว่า ตนเองเป็นผู้ชายจริงๆ จนภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเอกสารและยืนยันตัวบุคคล จึงยอมรับสารภาพ โดยเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกง จะเอาไปใช้จ่าย และเล่นการพนันบาคาร่า พอโดนจับได้ก็พยายามขอชดใช้เงินคืนให้กับผู้เสียหาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาดำเนินคดีต่อไป และนอกจากนี้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลังไปพบว่าเคยถูกออกหมายจับในลักษณะเดียวกันหลายพื้นที่ แต่ถูกถอนหมายจับไปแล้วเนื่องจากผู้ต้องหาได้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย แต่ยังคงมีหมายจับ ฉ้อโกง ของ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ติดตัวอยู่ จึงประสาน พงส.อายัดตัวไปดำเนินคดีต่อที่เชียงใหม่




มงคลชัย ใจธรรมมะ รายงานข่าว

ทีมข่าว อาชญากรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น