วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“ชาวท่าปลา” ผู้เสียสละที่ดินสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ผนึกลูกสาว สส.หนวดงาม “รสรินทร์” ไล่บี้จี้ติดนิคมลำน่านฯ นำรายชื่อ 1,013 ราย คนเดิมพร้อมทายาทสืบทอด ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบดำเนินการ ก่อนพระราชกฤษฎีกาออก เพื่อชาวบ้านจะได้เอกสารสิทธิ์ที่ดินไวขึ้น


“ชาวท่าปลา” ผู้เสียสละที่ดินสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ผนึกลูกสาว สส.หนวดงาม “รสรินทร์” ไล่บี้จี้ติดนิคมลำน่านฯ นำรายชื่อ 1,013 ราย คนเดิมพร้อมทายาทสืบทอด ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบดำเนินการ ก่อนพระราชกฤษฎีกาออก เพื่อชาวบ้านจะได้เอกสารสิทธิ์ที่ดินไวขึ้น  

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 65 ที่บริเวณสำนักงานนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ นายวิทูล  นะถา อดีตนายกเทศบาลตำบลจริม นายกิ่ง  ชุ่มขัน กำนันตำบลจริม และนายวิลัย  บุญประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.จริม พร้อมตัวแทนชาวบ้านจากพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบ ด้วย ตำบลจริม ตำบลท่าปลาและตำบลร่วมจิต จำนวนเกือบ 100 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน เร่งดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการยอมเสียสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์เพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้ ด้วยการยอมย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยเดิม เข้าไปอยู่ที่ดินตามที่รัฐจัดสรรให้ ในเขตพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน โดยหน่วยงานภาครัฐได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าใช้ทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อการครองชีพหรือ น.ค.1 ซึ่ง น.ค.1 จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น น.ค.2 และ น.ค.3 หรือโฉนดภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2511 จนถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลาถึง 54 ปีแล้ว ราษฎรที่ได้รับหนังสือ น.ค.1 รวมทั้งสิ้น 1,013 ราย จาก 5 ตำบล 12 หมู่บ้าน ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินทำกินตามที่รัฐบาลรับปากจะดำเนินตามขั้นตอนให้ โดยปรับเปลี่ยนจาก น.ค.1 เป็น น.ค.2 และ น.ค.3 หรือโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านในระยะเวลา 5 ปี ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 

ล่าสุด นายศรัณย์วุฒิ  ศรัณย์เกตุ สส.อุตรดิตถ์ เขต2 โดยมีตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่อำเภอท่าปลา ได้เดินทางเข้าพบดร.เฉลิมชัย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายจุติ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยื่นหนังสือให้ช่วยเร่งรัดการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตปฏิรูปที่ดินตามขั้นตอน พร้อมส่งร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเขตที่ดินดังกล่าวให้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อจะได้ดำเนินการปรับหนังสือรับรองการถือครอง น.ค.1 และ น.ค.3 ให้เป็นเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินให้กับราษฎรชาวอำเภอท่าปลาที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ได้มีเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินเป็นมรดกให้กับลูกหลาน

โดยชาวบ้านทั้งหมดเกือบ 100 คน รวมตัวเรียกร้องให้นางมนธิรา ธาราเวชรักษ์ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ เร่งดำเนินการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ พร้อมงานสานต่อกรณีที่ชาวบ้านร้องขอความช่วยเหลือไปยังรัฐมนตรี ให้ทันกับความต้องการของชาวบ้านที่ทนทุกข์มานานกว่า 54 ปี เหตุเพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานล่าช้าหรือเพิกเฉย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่มีเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินเป็นของตัวเองมาถึงปัจจุบันนี้ จึงอยากให้เร่งดำเนินการจัดเตรียมเอกสารให้ทันท่วงที่ โดยชาวบ้านได้นำรายชื่อผู้ได้รับหนังสือรับรอง น.ค.1 และ น.ค.3 พร้อมรายชื่อทายาทโดยธรรมหรือผู้สืบทอดที่จะได้รับเอกสารเป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 1,013 ราย มาให้เจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารความถูกต้องก่อนดำเนินการขั้นตอนต่อไป เป็นการเตรียมความพร้อมไม่ให้เกิดความล่าช้าเหมือนในอดีตที่ผ่านมา จนสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอำเภอท่าปลามาถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้ ได้นำรายชื่อทายาทผู้ได้รับสิทธิ์แทนผู้เสียชีวิตที่ขาดโอกาสได้มีสิทธิ์ในที่ดินแทนส่งมอบให้ด้วย

ขณะเดียวกัน น.ส.รสรินทร์  ศรัณย์เกตุ บุตรสาวนายศรัณย์วุฒิ  ศรัณย์เกตุ สส.อุตรดิตถ์ เขต 2 ทราบข่าวชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสียสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ของตนเอง เพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้ รวมตัวกันที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน จึงเดินทางมาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์ถึงความต้องการของชาวบ้านในครั้งนี้ ได้ชี้แจงให้ชาวบ้านที่เดินทางมาครั้งนี้รับทราบว่า สส.ศรัณย์วุฒิ ได้ติดตามปัญหาดังกล่าวให้กับชาวบ้านอำเภอท่าปลา และได้ประสานงานกับผู้ใหญ่ในกระทรวงให้หาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตั้งแต่ได้เป็นสส.มา 3 สมัย แต่ปัญหาติดขัดอยู่ที่เจ้ากระทรวงฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และด้วยที่คุณพ่อเป็นเพียงแค่ สส.ตัวเล็กไม่มีอำนาจใด ได้พยายามหาทางช่วยเหลือตลอดมา แต่เจอปัญหารัฐบาลยุบสภาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ และยังถูกทหารยึดอำนาจ ทำให้งานที่ประสานไปนั้นไม่ต่อเนื่อง ครั้งนี้ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่เหมือนเดิม หากไม่มียุบสภาหรือเกิดปัญหาใดเกิดขึ้นกับรัฐบาลอีก เชื่อว่าความสำเร็จของชาวอำเภอท่าปลาจะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ส.ต.อรรถสิทธิ์  ศรีกอง หัวหน้าฝ่ายพัฒนานิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน กล่าวชี้แจงกับชาวบ้านที่เดินทางมาในครั้งนี้ว่า ได้รับมอบอำนาจจากนางมนธิรา ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากติดประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายจุติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้มารับเรื่องความเดือดร้อนจากชาวบ้านอำเภอท่าปลา 1,013 ราย รับเรื่องพร้อมรายชื่อชาวบ้านที่มีสิทธิ์จะได้รับเอกสารตามที่ร้องขอ โดยขอตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดก่อนเทียบกับรายชื่อเดิมที่มีอยู่ยังเป็นคนเดิมอยู่ไหม ซึ่งทางนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านได้มีการประสานผู้นำและชาวบ้านในพื้นที่เบื้องต้นแล้ว ตอนนี้อยู่ในขบวนการของขั้นตอนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในระดับพื้นที่ไม่มีปัญหาแล้ว รอเพียงแค่การยืนยันอีกหน่วยงานหนึ่ง ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่นางมนธิรา ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้ามารับตำแหน่ง ได้ติดตามงานของชาวบ้านอำเภอท่าปลามาโดยตลอด และได้มอบให้เป็นนโยบายที่เร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้กับชาวท่าปลาที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากการเสียสละที่ดินเพื่อการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ให้คนทั้งประเทศมีไฟฟ้าใช้ ที่ผ่านมาไม่ได้ทำงานเพียงหน่วยเดียวแต่เดินควบคู่กับภาคประชาชนและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลา หากมีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน มีอะไรผิดพลาด หรือข้อมูลไม่ตรงกันเราจะเดินควบคู่ไปพร้อมกับภาคประชาชนในพื้นที่ หลังจากชี้แจงเสร็จได้รับเอกสารรายชื่อชาวบ้าน 1,013 ราย คนเดิมพร้อมทายาทที่สืบต่อ จาก น.ส.รสรินทร์ บุตรสาว สส.ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ เพื่อนำรายชื่อดังกล่าวไปตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อ เพื่อเตรียมรับเอกสารสิทธิ์ในที่ดินต่อไป













นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น