อุตรดิตถ์ ชาวอำเภอพิชัยรวมตัวกว่า200 คน เรียกร้องขอเปลี่ยนที่พักสงฆ์เทพมงคลทองเป็นวัด
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ที่พักสงฆ์เทพมงคลทอง หมู่ 7 ต.บ้านดารา อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ชาวบ้านพุทธศาสนิกชนหมู่ 3 และ หมู่ 7 ต.บ้านดารา จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวบริเวณหน้าโบสถ์ของที่พักสงฆ์ดังกล่าว พร้อมชูป้ายข้อความ เรียกร้องขอความอนุเคราะห์ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาที่พักสงฆ์เทพมงคลทอง ให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ชาวบ้านชูป้ายข้อความ ทั้ง “โบสถ์ 12 ล้าน ทิ้งร้าง บวชลูกหลานไม่ได้” “ชาวพุทธ ต้องการวัด” “ขอผู้ว่าฯช่วยด้วย” เป็นต้น ทั้งนี้แกนนำต่างสลับกันปราศรัยถึงปัญหาและข้อเรียกร้องของชาวบ้านที่ต้องการเปลี่ยนจากที่พักสงฆ์ เป็นวัดเทพมงคลทอง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังได้ยื่นเรื่องผ่านหน่วยงานต่างๆ เป็นเวลานานหลายสิบปี แต่ไม่เป็นผล หลังจากสร้างมานานถึง 46 ปี และมีโบสถ์ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง ที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์ เมรุ ด้วยเงินศรัทธาจากชาวบ้านกว่า 50 ล้านบาท และมีพระสงฆ์จำวัดแล้ว 8 รูป ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
นายตอ ชัยทน อายุ 59 ปี กรรมการที่พักสงฆ์เทพมงคลทอง หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้าน เรียกร้อง ยื่นเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับอำเภอและจังหวัด เพื่อขอให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่ติดขัด จากที่พักสงฆ์ให้เป็นวัดที่ถูกต้องมาเนิ่นนาน ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ชาวพุทธกว่า 500 ครัวเรือนต้องการบวชลูกหลาน ต้องไปอาศัยวัดอื่นๆ และบริเวณสถานที่ต่างๆ พร้อมที่จะเป็นวัดมากกว่าที่พักสงฆ์
มีพื้นที่กว่า 8 ไร่ ตั้งอยู่ในกลางหมู่บ้าน ไม่ได้อยู่กลางป่าเขา ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจสมทบทุนในการสร้างกำแพง สร้างโบสถ์ หอระฆัง ที่พักสงฆ์ ศาลาการเปรียญ และเมรุ ด้วยเงินกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งครบตามที่วัดควรจะมี สร้างมาตั้งแต่ปี 2519 หรือ 46 ปี โดยชาวบ้านเชื่อว่าคือวัด เนื่องจากมีการประกาศเป็นที่สาธารณะทีหลัง โดยเฉพาะโบสถ์ใช้เงิน 12 ล้านบาท ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆได้ ทิ้งร้าง ฝุ่นและขี้นกพิราบเต็ม จะบวชลูกหลานต้องไปที่วัดอื่น ทั้งๆที่ชาวบ้านร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่มีวัดสืบสานบำรุงพระพุทธศาสนา จึงรวมตัวกันยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์แก้ไขปัญหา ไปยังที่ดินอำเภอพิชัย และ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์
ต่อมานายธนภัทร อุทธตรี นักวิชาการศาสนา สนง.พระพุทธศานาจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เดินทางมารับหนังสือพร้อมกล่าวว่า ที่ดินที่พักสงฆ์เทพมงคลทอง ตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ แปลงบึงยาวสาธารณประโยชน์ เป็นวัดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล เบื้องต้นให้มีการจัดเตรียมเอกสาร เพื่อที่จะยื่นผ่านที่ดินอำเภอพิชัย ที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ ผ่านไปยังกรมที่ดินเพื่อทบทวนปัญหาดังกล่าว เนื่องจากการใช้ที่ดินดังกล่าว ใช้ประกอบศาสนกิจ ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน
เบื้องต้นชาวบ้านที่รวมตัวกัน หลังได้ยื่นหนังสือและรับฟังคำชี้แจ้ง ขั้นตอนต่างๆ จาก จนท.แล้ว จึงแยกย้ายเพื่อรอผลความคืบหน้า 7 วันพร้อมยกระดับการเรียกร้อง
นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น