วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565

 “ชาวท่าปลา” ประท้วง เผา น.ค.1 หน้าที่ว่าการอำเภอ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีลงมาดูแล ยอมเสียสละที่ดินเพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ นานถึง 53 ปี ยังไม่มี “โฉนด” เป็นมรดกให้ลูกหลาน 


เมื่อวันที่ 22 เมษายน 65 ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ นายวิทูล  นะถา อดีตนายกเทศบาลตำบลจริม พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านจากพื้นที่ 5 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประกอบด้วย พื้นที่หมู่ 1,2,5,6 และ 13 ตำบลจริม พื้นที่หมู่ 2,6,7 และ 12 ตำบลท่าปลา พื้นที่หมู่ 1,3, และ 10 ตำบลร่วมจิต  จำนวนกว่า 150 คน พร้อมป้ายไวนิลขนาด 2 เมตร, ขนาด 1 เมตร และป้ายกระดาษ เขียนข้อความว่า “ชาวท่าปลา เสียสละที่ดินทำกิน เพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ 53 ปี ยังไม่มีโฉนด เป็นมรดกให้ลูกหลาน อีก 2 ปี นิคมยุบตัวแล้ว นายก ประยุทธ์ ช่วยด้วย!, คนท่าปลา เป็นผู้เสียสละ” หนีน้ำมาอดน้ำ ทำนาบนหินผา ชาวท่าปลาทำเพื่อใคร? ผลตอบแทนคือ...”ความเจ็บปวด”, น.ค.1 ต้องจบที่รุ่นเรา “โฉนด” มีไว้ให้ลูกหลาน โดยมีสำเนาเอกสาร น.ค.1 ขนาดA3 จำนวน 3 แผ่นนำมาโชว์ พร้อมกับสำเนาเอกสาร น.ค.1 ขนาดใหญ่ ติดอยู่บนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด เป็นสำเนาหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ตั้งแต่ปี 2511 พร้อมป้ายข้อความอื่นอีกจำนวนมาก 

ชาวบ้านอำเภอท่าปลา ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมเกี่ยวกับที่ดินทำกิน กรณียอมเสียสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์เพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้ ด้วยการยอมย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยเดิม เข้าไปอยู่ที่ดินตามที่รัฐจัดสรรให้ ในเขตพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน โดยหน่วยงานภาครัฐได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าใช้ทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อการครองชีพหรือ น.ค.1 ซึ่ง น.ค.1 จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น น.ค.2 และ น.ค.3 หรือโฉนดภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2511 จนถึงปัจจุบันนี้ พ.ศ.เป็นเวลาถึง 53 ปีแล้ว ราษฎรที่ได้รับหนังสือ น.ค.1 รวมทั้งสิ้น 1,013 ราย จาก 5 ตำบล 12 หมู่บ้าน ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินทำกิน ตามที่รัฐบาลรับปากจะดำเนินตามขั้นตอนให้ โดยปรับเปลี่ยนจาก น.ค.1 เป็น น.ค.2 และ น.ค.3 หรือโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านในระยะเวลา 5 ปี ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511

และยังมีราษฎรบางส่วนของพื้นที่ตำบลจริม ตำบลน้ำหมันและตำบลผาเลือด ยอมเสียสละที่ดินเหมือนกับรายแรกที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านตามที่จัดสรรให้ กลุ่มนี้อีกจำนวนกว่า 700 ราย ไม่ได้รับการจัดสรร ต้องไปอาศัยอยู่ตามที่ดินป่าเสื่อมโทรม เพื่อจับจองอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2514 ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศยกเลิกการเป็นเขตพื้นที่ป่าไปแล้ว 

ชาวบ้านทั้งหมดจึงรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรม จากการสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ เมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้โฉนดที่ดินทำกิน โดยเรียกร้องขอให้รัฐบาลช่วยออกเป็นโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านทั้งหมด กว่า 1,700 ราย เพื่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานในอนาคต

โดยมีตัวแทนชาวบ้าน จำนวนกว่า 5 คน สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องเอกสารสิทธิ์ให้กับชาวบ้านรวมทั้งสิ้นจำนวนกว่า 1,700 ราย จะต้องได้รับเอกสารเป็นโฉนดทุกราย

ต่อมา น.ส.รสรินทร์  ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ บุตรสาวของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ สส.อุตรดิตถ์ เดินทางเข้ามาทักทายกลุ่มชาวบ้านพร้อมกล่าวให้กำลังใจ และขอร่วมต่อสู้กับชาวบ้านด้วย ได้เรียกร้องให้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงมาดูแลช่วยเหลือชาวบ้านจากกรณีไม่มีโฉนดที่ดินทำกิน ทั้งที่เป็นผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่ ด้วยการเสียสละที่ดินเพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ให้คนทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้ พร้อมรับเรื่องปัญหาของชาวท่าปลา เพื่อนำเสนอให้ นายศรัณย์วุฒิ  ศรัณย์เกตุ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ สส.อุตรดิตถ์ ดำเนินการหาทางช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ ในฐานะ สส.อุตรดิตถ์ เขต2 พร้อมประสานภาคการเมืองที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งแก้ไขปัญหาตามที่ชาวบ้านต้องการ

ขณะเดียวกัน นายจักรพรรณ สุวรรณภักดี นายอำเภอท่าปลา รับเรื่องปัญหาที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนและความต้องการของชาวบ้านจาก น.ส.รสรินทร์ กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ เพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรับไปแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วนต่อไป 

สร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้านที่รวมตัวกันมาเรียกร้องในครั้งนี้เป็นอย่างมาก จึงยอมสลายตัวกลับบ้านไปโยไม่มีเหตุรุนแรงใดเกิดขึ้น ก่อนการสลายตัวชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้นำสำเนาเอกสาร น.ค.1 จุดไฟเผาทิ้งลงในถงปี๊ป เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ไม่เอา น.ค.1  และกล่าวคำว่า “น.ค.1 ต้องจบที่รุ่นเรา  โฉนดมีไว้ให้ลูกหลาน” เป็นอันเสร็จสิ้นการมาเรียกร้องในครั้งนี้


















นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มณฑลทหารบกที่ 37 และ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาส่งเสริมการฝึกอบรมวิชาชีพ ระหว่าง มณฑลทหารบกที่ 37 กับ สถาบันการศึกษา 6 สถาบัน

มณฑลทหารบกที่ 37   และ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 37  ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาส่งเ...