จ.อุตรดิตถ์ อดีต ผอ.สกสค.6 จังหวัดและสมาชิก ชพค.และ ชพส. ยื่นขอความเป็นธรรม ผอ.สนง.ป.ป.ช.อุตรดิตถ์ ให้ตรวจสอบการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการและ ผอ.สกสค.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มีนาคม 64 ที่ห้องสหกรณ์ครูจังหวัดอุตรดิตถ์ นายธำรงรัฐ จอมสืบ อดีต ผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยอดีต ผอ.สกสค.รวม 6 จังหวัด ประกอบไปด้วย จ.อุตรดิตถ์ จ.ตาก จ. พิษณุโลก จ.กำแพง จ.สุโขทัย จ.เพชรบูรณ์ และ ดร.ธำรงค์ น่วมศิริ ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด นายชวลิต คำเพ็ง ประธานสันติบาต สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งสมาชิก ชพค.และชพส.ซึ่งเป็นครูและอดีตครู หน่วยงาน สกสค.และผู้บริหาร จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 200 คน ร่วมแถลงข่าวและเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมขอให้ตรวจสอบ การสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการและ ผอ.สกสค.กับ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.จ.อุตรดิตถ์ ในครั้งนี้
ต่อจากนั้น นายธำรงรัฐ จอมสืบ อดีต ผอ.สกสค.จ.อุตรดิตถ์ และคณะได้เดินทางไปยัง สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตรวจการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการ และ ผอ.สกสค. ส่อไปในทางที่อาจทำให้เกิดการทุจริตเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง ซึ่งนำพาไปสู่การแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัดกรุงเทพมหานคร ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล โดยมีข้อสังเกตดังนี้ 1.ในปี พ.ศ.2562 นายดิสกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน. ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. อีกตำแหน่งหนึ่ง หลังจากมาปฏิบัติงานได้เพียง 7 วัน ก็ทำการแก้ไขคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สกสค. โดยปรับลดคุณวุฒิการศึกษาจากระดับปริญญาโทเหลือระดับปริญญาตรี และแก้ไขประสบการณ์จากที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นครูหรือบุคลากรทางการศึก ษาปรับแก้ไขเป็นบุคลากรใด ๆ ก็ได้ อันเป็นเหตุนำไปสู่การแต่งตั้งรองเลขาธิการ สกสค. และเลขาธิการในลำดับต่อมา
และผู้ที่ให้รับการสรรหาและแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการ สกสค. ได้มาทำหน้าที่เป็นผู้สรรหาผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด ต่อมา นายดิสกุล เกษมสวัสดิ์ ได้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการคุรุสภา และได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งแทนที่จะสมัครเป็นเลขาธิการ สกสค. เพื่อหลีกทางให้ นายธนพร สมศรี (รองเลขาธิการ ซึ่งตนแต่งตั้งไว้) ขึ้นมาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. 2.ได้มีการแก้ไขระเบียบการสรรหาผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด โดยมีการตัดขั้นตอนการสรรหา ซึ่งแต่เดิมกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกบุคคลในท้องถิ่น จำนวน 2 คน ส่งให้ส่วนกลางพิจารณาเลือกให้เหลือ 1 คน แล้วแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นแต่ละจังหวัดเลือกท้องถิ่นของตนเข้าไปทำหน้าที่บริหารงาน สกสค. จะได้ดูแลสมาชิกในจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตัตตอนตังกล่าวทำให้มีข้อสังเกตว่า คนจากจังหวัดบุรีรัมย์หรือเคยรับราชการอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัดในครั้งนี้จำนวนไม่น้อยกว่า 20 คน จากตำแหน่งที่แต่งตั้งจำนวน 64 ตำแหน่ง
3.ความไม่ชัดเจนของหลักเกณฑ์และการให้ผู้สมัครจัดส่งเอกสาร ประกอบการสมัครไม่ชัดเจนครั้งแรกให้ส่งเอกสารรวมเล่มทั้งเนื้อหา และเอกสารประกอบ ต่อมามีการแจ้งให้แยกส่ง ซึ่งทำให้ผู้สมัครสับสนทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของการสรรหาครั้งนี้ 4.การสัมภาษณ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของการสอบสัมภาษณ์โดยทั่วไป ไม่มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำและขั้นสูงไว้ ทำให้กรรมการสอบสัมภาษณ์สามารถให้คะแนนผู้หนึ่งผู้ใดสูงหรือต่ำกว่ามาตรฐานได้ โดยคำถามนั้นเป็นคำถามในหน้าที่การงานของ ผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด แต่ผู้ที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด มาก่อน กลับมีคะแนนดีกว่าผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วถึง 20 กว่าคน ซึ่งผู้ร้องได้ทำเรื่องขอทราบผลคะแนนการสอบสัมภาษณ์ของผู้ร้องเองแต่ได้รับการปฏิเสธ (ตามเอกสารแนบ) จึงทำให้เป็นข้อสังเกตที่จะไม่ได้รับความเป็นธรรม 5.ผู้สมัครหลายคนสมัครในจังหวัดหนึ่ง ต่อมาขอถอนตัว และไปสมัครอีกจังหวัดหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับการสรรหา และแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด ในที่ไปสมัครครั้งหลังสุดทุกคน เช่น จังหวัดตาก, จังหวัดพะเยา คล้ายกับมีการจัดโผการสรรหา และแต่งตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว
จากพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น ผู้ร้องมีความเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เชื่อว่าการสรรหาผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด ครั้งนี้มีการทุจริต เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง จึงมีความประสงค์ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวน เพื่อให้ได้ความจริง และดำเนินการดังนี้ 1.ยกเลิกสัญญาจ้าง นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. และพวก พร้อมคืนเงินค่าจ้าง ค่าตอบแทน และเงินอื่น ๆ ที่ได้รับในระหว่างการดำรงตำแหน่ง 2.ยกเลิกสัญญาจ้างผู้อำนวยการ สกสค.จังหวัด พร้อมทั้งคืนเงินค่าจ้างค่าตอบแทน และเงินอื่นที่ได้รับในขณะดำรงตำแหน่ง และ 3.พิจารณาโทษ นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. และพวก ที่ร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ด้านนายอภินันท์ เรืองประเภท ผอ.สนง. ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า เบื้องต้นรับหนังสือดังกล่าวไว้ เพื่อจะได้ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนหรือกล่าวหา ว่าเป็นไปตามขั้นตอนหรือเปล่า และจะได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น