ผู้ว่าฯพิจิตรยืนยันหนุนศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อชาวนามีข้าวปลูกพันธุ์ดีลดรายจ่ายเพิ่มรายได้
เจ้าเมืองชาละวันมองการณ์ไกล ตั้งเป้าส่งเสริมชาวนาพิจิตรต้องปลูกข้าวพันธุ์ดีที่ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ชี้ปัจจุบันความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวมีปริมาณสูงมาก แถมขายได้ราคาดีกว่าปลูกข้าวขายโรงสีเพื่อการแปรรูป ล่าสุดศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตร ก่อตั้งเสร็จแล้วพร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้ชาวนาและศูนย์ข้าวชุมชนผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวจำหน่าย ทำได้รวยชัวร์
วันที่ 29 ม.ค. 2564 นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยนายชูศักดิ์ ชุนเกาะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อประโยชน์แก่เกษตรกร ที่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตร ตำบลโรงช้าง อำเภอเมืองพิจิตร โดยมี นายอัครสิชฌ์ มหาจิราศิริ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตร ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปถึงสถานการณ์การปลูกข้าวของชาวนาพิจิตรในพื้นที่ 12 อำเภอ ปลูกข้าว 1 ล้าน 8 แสนไร่ ซึ่งชาวนาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว 15 กก. /ไร่ ( แต่ปกติทุกวันนี้ชาวนาหว่านข้าวปลูกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวมากถึง 30 กก. /ไร่ ) ก็จะมีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวมากถึง 27,000 ตัน ซึ่งต้องสั่งซื้อมาจากจังหวัดอื่นๆ ดังนั้นการมีศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตรอนาคตศูนย์แห่งนี้ก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรที่เข้ามาเข้าโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแล้วนำมาจำหน่ายให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตร แต่ เนื่องจากเป็นศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตรเพิ่มเริ่มดำเนินการใหม่ ดังนั้นกำลังการผลิตหรือการรับซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากเกษตกร-ศูนย์ข้าวชุมชน ในปีงบ 2564 จะสามารถรับซื้อหรือผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ 1,00 ตัน ( กข.61 ) พื้นที่ 880 ไร่ ส่วนปี 2565 เป้าหมายผลิตเมล็ดพันธุ์จำนวน 2,000 ตัน ซึ่งเป็นการรับซื้อจากเกษตรกรรวมถึงศูนย์ข้าวชุมชน-นาข้าวแปลงใหญ่ - ภาคเอกชน ที่ทำ Contact Farming กับศูนย์ฯ เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกไปยังเกษตรกรที่ต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีและมีมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มเกษตรกรตำบลวังโมกข์ อ.วชิรบารมี และ กลุ่มแปลงตำบลไผ่รอบ อ.โพธิ์ประทับช้าง เข้าร่วมโครงการแล้วอีกด้วย
โดยในส่วนของ นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตน กล่าวว่า การที่จังหวัดพิจิตรมีศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวจะเป็นการช่วยให้มีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นปริมาณการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวต่อไร่ก็จะต่ำลงซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนและทำให้ชาวนามีกำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งชาวนาสามารถทำ Contact Farming คือทำสัญญาขายเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตรได้ในราคาสูง ดังนั้นถ้าศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิจิตรแห่งนี้ขยายกำลังการผลิตได้มากเท่าไหร่ ชาวนาพิจิตรก็ได้ประโยชน์มากเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นจังหวัดพิจิตรและองค์การทุกภาคส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงต้องรวมพลังกันสนับสนุนให้ศูนย์เม็ดพันธุ์ข้าวพิจิตรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ดี ให้พอใช้กับชาวนาในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร รวมถึงหากผลิตได้มากขึ้นๆ ก็จะสามารถนำไปขายได้ราคาให้กับชาวนาจังหวัดอื่นๆที่มีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ดี ที่กำลังต้องการเป็นจำนวนมากอีกด้วย
สิทธิพจน์ พิจิตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น