“ชุดพยัคฆ์ไพร เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หลังได้รับการร้องเรียนว่าถูกกลุ่มนายหน้า หลอกเอาที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติมาจัดสรรประกาศขาย จนถูกเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดี”
ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำโดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร พร้อมด้วยผู้อำนวยการส่วนจัดที่ดิน สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) และผู้นำท้องที่ในเขตตำบลบ้านดู่ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านในท้องที่ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ร้องเรียนว่าถูกหลอกจากกลุ่มนายทุน โดยเอาที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติมาจัดสรรและประกาศขายให้ และถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แจ้งความดำเนินคดี
จากการตรวจสอบพบ กลุ่มร้องเรียนมี 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 มีประมาณ 146 ครอบครัว เป็นกลุ่มประชาชนที่อยู่อาศัยเดิมในท้องที่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย กลุ่มนี้ร้องเรียนประเด็นที่พบเห็นว่ามีกลุ่มนายทุนหลายกลุ่มเข้ามายึดถือครอบครองที่ดินในพื้นที่ หลายพันไร่ และมีกลุ่มนายทุนนำที่ดินจำนวน 118 ไร่ ไปจัดสรรแบ่งแปลง แปลงละ 1- 4 งาน จำนวน 135 แปลง ขายในราคาไร่ละ 450,000บาท ให้กลุ่มบุคคลจากนอกพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชาชนที่มาจากต่างอำเภอ ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายอาข่า โดยมีการประกาศขายทางวิทยุ และทางเฟสบุ๊ค ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา มูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท
ต่อมาช่วงปี 2560 มีกลุ่มบุคคลร้องเรียนเรื่องราวดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ กอ.รมน. จนมีการดำเนินการเข้าตรวจสอบ เมื่อช่วงต้นปี 2561 และตรวจยึดจับกุมกลุ่มชาวบ้านที่เข้าซื้อที่ดิน และปลูกสร้างบ้านพักเพื่ออยู่อาศัยจำนวน 64 ครอบครัว ในแปลงที่ดินจัดสรรดังกล่าว กลุ่มชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดีจึงมีการร้องเรียนไปยังกลุ่ม p-move และมีการร้องเรียนไปตามหน่วยราชการหลายที่ รวมทั้งที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ นายวราวุธ ศิลปอาชา ได้สั่งการให้นายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ ส่งชุดพยัคฆ์ไพรดำเนินการตรวจสอบดำเนินการโดยด่วน เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน กรณีถูกหลอกขายที่ดิน และกรณีที่ถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป่าไม้
ซึ่งชาวบ้านกลุ่มคนที่ถูกหลอกขายที่ดินจากนายทุน ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อกลุ่มขบวนการที่นำที่ดินมาหลอกขายให้ จำนวนทั้งหมด 8 คน บางส่วนยังหลบหนี คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ส่วนคดีการบุกรุกพื้นที่ป่าของชาวบ้านที่ถูกหลอกขายที่ดิน จำนวน 64 ครอบครัวอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบอีกว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวเคยมีพฤติกรรม นำเอาที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไปหลอกขายชาวบ้านมาแล้วในหลายท้องที่ทางภาคเหนือ ซึ่งชุดพยัคฆ์ไพรจะขยายผลดำเนินการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะรวบรวมข้อมูลส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ขยายผลเส้นทางการเงิน
สำหรับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ทำกินของชาวบ้านที่ถูกตรวจยึดดำเนินคดี กรมป่าไม้จะดำเนินการคัดกรองกลุ่มบุคคลดังกล่าวตามระเบียบ เพื่อหาแนวทางดำเนินการตามโครงการจัดสรรที่ทำกินในรูปแบบ คทช. ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น