กองทัพภาคที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 จัดแถลงข่าวภารกิจของกองทัพภาคที่ 3 ที่ห้องประชุม โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม จังหวัดพิจิตร พ.อ.รุ่งคุณ
มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 พร้อมทีมโฆษกกองทัพภาคที่
3 ได้ชี้แจ้งในเรื่อง การปฏิบัติตามแผนการเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร ปี 2562
ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3
การปฏิบัติตามแผนการเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหาร
ปี 2562 ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3
เป็นการดำเนินการตามแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกองทัพบก ปี 2560 –
2564เพื่อกำหนดเป็นนโยบายการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกองทัพบก
ในการจัดเตรียมกำลังพลสำรองตั้งแต่ในยามปกติ ตามแนวความคิดการใช้กำลังของกองทัพบก
โดยจัดเตรียมกำลังพลสำรองให้มีความพร้อมในการปฏิบัติราชการร่วมกับกำลังประจำการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมได้อย่างทันเวลาและต่อเนื่อง
รวมทั้งจัดเตรียมกำลังพลสำรองอาสาสมัคร
และบรรจุกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหารแบบเต็มเวลาหรือไม่เต็มเวลา
ได้ตั้งแต่ยามปกติ
ตามแนวคิดการพัฒนาการบริการจัดการด้านกำลังพลตามหลักการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรในการป้องกันประเทศของกองทัพบก
ซึ่ง แม่ทัพภาคที่ 3 และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง กองทัพภาคที่ 3 ทุกระดับชั้น
ได้ให้ความสำคัญในการดำเนินการกิจการกำลังพลสำรอง ตามแผน จำนวน 9 ภารกิจ ประกอบด้วย 1. การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อฝึกวิชาทหาร หน่วยทางบัญชี
กำลังพลสำรองพร้อมใช้งาน บัญชี 1/62 2 การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อฝึกวิชาทหารหน่วยทหารที่จัดตั้งแล้ว
กำลังพลสำรองพร้อมใช้งาน บัญชี 1/62 เข้ารับการฝึกเป็นหน่วยเบื้องต้น กำหนด 9 วัน 3
การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อฝึกวิชาทหาร หน่วยทหารที่จัดตั้งแล้ว
กำลังพลสำรองพร้อมใช้งานบัญชี 2/61 เข้ารับการฝึกเป็นหน่วยเบื้องสูง กำหนด 9 วัน 4
การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อฝึกวิชาทหารเพื่อเลื่อนยศ – ฐานะ กำหนด 30 วัน ณ
โรงเรียนการกำลังสำรอง ศูนย์การกำลังสำรอง (ทุกมณฑลทหารบก) ภาพรวมทั้งประเทศ 161
นาย 5
การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อตรวจสอบ หน่วยทหารที่จัดตั้งแล้ว
กำลังพลสำรองพร้อมใช้งานบัญชี 1/62 เข้ารับการตรวจสอบกำหนด 1 วัน (ทุกมณฑลทหารบก)
ภาพรวมทั้งประเทศ 3,394 นาย 6 การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อตรวจสอบ
หน่วยทหารที่จัดตั้งแล้ว กำลังพลสำรองพร้อมใช้งานบัญชี 3/60
เข้ารับการตรวจสอบกำหนด 1 วัน 7
การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อปฏิบัติราชการ หน่วยทหารที่จัดตั้งแล้ว
กำลังพลสำรองพร้อมใช้งาน บัญชี 1/62 (ทุกมณฑลทหารบก)
ทำหน้าที่ครูฝึกนักศึกษาวิชาทหารภาคปกติ กำหนด 30 วัน ภาพรวม ทั้งประเทศ 222 นาย 8 การเรียกกำลังพลสำรองเพื่อปฏิบัติราชการ
หน่วยทหารที่จัดตั้งแล้ว กำลังพลสำรองพร้อมใช้งานบัญชี 2/61 (ทุกมณฑลทหารบก)
ทำหน้าที่ครูฝึกนักศึกษาวิชาทหารภาคสนาม กำหนด 30 วัน และ 15 วัน ภาพรวมทั้งประเทศ
111 นาย และ9
การจัดทำบัญชีบรรจุกำลัง กำลังพลสำรองพร้อมใช้งาน หน่วยทหารที่จัดตั้งแล้วบัญชี
1/62 ด้วยวิธีการคัดเลือกของหน่วยกำลังพลสำรอง (ทุกมณฑลทหารบก)
เพื่อแจ้งรายชื่อการบรรจุกำลังพลสำรองให้กำลังพลสำรองทราบโดยหนังสือแจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ
ณ ภูมิลำเนาทหารของกำลังพลสำรอง
พร้อมกันนี้ยังได้ชี้แจงในเรื่องการนำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวของกองทัพบก
ปี 2563 เรื่องการจับกุมยาเสพติด ซึ่งแม่ทัพภาคที่
3/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3
ได้มีนโยบายให้มีการบูรณาการงานด้านการข่าวเพื่อความมั่นคงของพลเรือน ตำรวจ ทหาร
และทุกภาคส่วน ในการดำเนินการ สกัดกั้น
ปราบปราม และจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน จนถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ
นั้นมีการจับกุมที่สำคัญในรอบสัปดาห์ โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 03.00
น. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหาร ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.)
ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้านมาพักรอไว้ตามแนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา
บริเวณริมฝั่งน้ำรวกในพื้นที่ ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย
จังหวัดเชียงรายเพื่อเตรียมส่งต่อไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศจึงได้จัดกำลังพลเข้าปฏิบัติงานร่วมกับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเกาะช้าง และจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)
ภาค 5ลาดตระเวนตรวจสอบไปตามจุดที่คาดว่ากลุ่มขนยาเสพติดจะใช้เป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติด
ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่พบ กระสอบดัดแปลงใส่สายสะพายเป็นเป้ จำนวน 7 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่บริเวณป่าแขมปลายทุ่งนาติดลำน้ำรวก ในพื้นที่ ตำบลเกาะช้าง
อำเภอแม่สาย ภายในกระสอบดังกล่าวบรรจุยาเสพติดให้โทษ
ประเภท 1
(ยาบ้า) รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2,000,000 เม็ด และเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 เวลาประมาณ
21.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่
4 กองกำลังผาเมือง ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า
จะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านพื้นที่ อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
โดยใช้วิธีเดินเท้าลัดเลาะตามแนวป่าเขาในช่วงเวลากลางคืน
จึงจัดกำลังพลเข้าปฏิบัติการ จำนวน 2
ชุด ได้ทำการลาดตระเวนตรวจไปตามจุดที่คาดว่ากลุ่มขนยาเสพติดจะใช้เป็นทางผ่านการขนยาเสพติด
ต่อมาในวันที่ 3 ธันวาคม 2562 เวลาประมาณ
00.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนมาตามถนนเส้นทางบ้านเปียงหลวง
– บ้านแปกแซม ในพื้นที่ ตำบลเปียงหลวงอำเภอเวียงแหง
จังหวัดเชียงใหม่ อยู่นั้นได้เห็นกลุ่มบุคคลต้องสงสัยประมาณ 10 - 15 คน เดินเรียงแถวมาตามแนวป่าโดยแบกกระสอบปุ๋ยที่ดัดแปลงให้มีสายสำหรับสะพายหลัง
เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุด
เพื่อทำการเข้าตรวจค้นแต่เมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่จึงรีบทิ้งกระสอบปุ๋ยลงพื้นแล้วพากันวิ่งหลบหนีเข้าป่าหายไปอย่างรวดเร็ว
จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกระสอบดัดแปลงใส่สายสะพายเป็นเป้
จำนวน 18กระสอบ โดยจำนวน 13กระสอบ
มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายใน รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,600,000 เม็ด และอีก 5กระสอบ มียาเสพติดให้โทษประเภท
1 (ไอซ์)
บรรจุอยู่ภายใน รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 100กิโลกรัม
เจ้าหน้าที่จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมทั้งสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป นอกจากนี้ยังมีการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 11.55
น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่
4
จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายในบริเวณแนวเขตชายแดนไทย
มาตามถนนใกล้บริเวณท่าข้ามพ่อเลี้ยงยงค์ในพื้นที่บ้านวังตะเคียนใต้
ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด
จังหวัดตาก นั้นได้พบ
ถ่านไม้ จำนวน 16 กระสอบ ซุกซ่อนไว้ในพุ่มไม้ข้างทาง ไม่พบตัวผู้เป็นเจ้าของ และเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 10.30
น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่
4
หมวดลาดตระเวนที่ 1 กองร้อยทหารรายที่ 412 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังตรวจพื้นที่รับผิดชอบอยู่บริเวณท่าข้ามท่าลุงคำในพื้นที่บ้านวังแก้ว
ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นั้น ได้พบชายชาวจีน
2 คน
ซึ่งเดินทางมากับรถตู้โดยสารจาก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
โดยมีสัมภาระจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ
โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน 472 เครื่อง ,
คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จำนวนมาก ตรวจสอบแล้ว
ไม่มีเอกสารการซื้อขายหรือนำเข้ามาในประเทศไทย จากการสอบถามชายชาวจีนรับว่า
จะนำสิ่งของที่ถูกตรวจค้นพบนี้ส่งออกนอกประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชายชาวจีนทั้งสองคนพร้อมทั้งนำสิ่งของที่ตรวจพบทั้งหมดส่งด่านศุลกากรแม่สอด
ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนด้านการการปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 12.30
น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก
ชุดรักษาพื้นที่ฝึกกองทัพภาคที่ 3 (กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 14)จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กับ
เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดสุโขทัย
ได้ร่วมกันตรวจสอบการลักลอบตัดไม้ ที่บริเวณใกล้อ่างเก็บน้ำห้วยแม่กองค่าย
ตำบลตลิ่งชัน อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย
ซึ่งพบ ไม้เต็ง ไม้รัง
ถูกตัดเป็นท่อน จำนวน 36
ท่อน
คาดว่าตัดทิ้งไว้นานแล้วประมาณ 2-3 เดือนเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้ท่อนดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562
เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังนเรศวร จำนวน
1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจตราเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายในบริเวณแนวเขตชายแดนไทย
มาตามถนนใกล้บริเวณท่าข้ามท่าละคร ตำบลแม่กุ
อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นั้นได้พบ
ไม้กระยาเลยแปรรูปขนาดความกว้างประมาณ 16 นิ้ว จำนวน 10
แผ่น ซุกซ่อนไว้ในพุ่มไม้ข้างทาง
ไม่พบตัวผู้เป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้แปรรูปดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สำหรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต กองทัพภาคที่ 3
ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ แบบ Bell-212
จำนวน 1 เครื่อง จากชุดปฏิบัติการบิน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 กองกำลังนเรศวร
ร่วมกับคณะแพทย์ของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอนทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยเมื่อวันที่28พฤศจิกายน2562
เวลา 10.42น.ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินเด็กผู้หญิง
อายุ 8 ปี บ้านจอปร่าคีหมู่ 9 ตำบลแม่คงอำเภอแม่สะเรียง
จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งผู้ป่วยอยู่ในภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
จากบาดแผลรุนแรง และมีโอกาสเสียชีวิต เห็นควรต้องนำส่งโรงพยาบาลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง
จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นการเร่งด่วนโดยทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยาน
มาจากสนามบินเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน905 (ศกร.ตชด.905)
บ้านจอปร่าคีตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวค่ายเทพสิงห์ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง
จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลแม่สะเรียง
อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยมีคณะแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์
รวมทั้งรถพยาบาลฉุกเฉินมารับเพื่อทำการรักษา และเมื่อวันที่1ธันวาคม2562 เวลา 17.05น.ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินผู้หญิง อายุ 69 ปี อยู่ที่ บ้านเลขที่
68/1
บ้านห้วยช้างคำ หมู่ 8 ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีอาการจุกแน่นใต้ลิ้นปี่
เจ็บหน้าอกร้าวขึ้นไปหัวไหล่ซ้ายอย่างรุนแรงเห็นควรต้องนำส่งโรงพยาบาลนครพิงค์
อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการเร่งด่วนโดยทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยาน
มาจากสนามบินเฮลิคอปเตอร์หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 บ้านม่อนตะแลง
ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวกองพันพัฒนาที่ 3 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
และเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคณะแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์
รวมทั้งรถพยาบาลฉุกเฉินมารับเพื่อทำการรักษาต่อไป ทั้งนี้ยังมีกลไกความมั่นคงชายแดนไทย – เมียนมา
ในส่วนที่กองทัพรับผิดชอบประกอบด้วยคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township
Border Committee : TBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค
(Regional Border Committee : RBC) เกิดขึ้นตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดยคณะกรรมการฯ TBC ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3
ซึ่งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯTBC
จะดำเนินการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดนภายในแต่ละเขตอำนาจของตน
และปัญหาชายแดนอื่นๆ เป็นการเฉพาะ โดยจัดประชุมตามความจำเป็นของสถานการณ์ ณ
สถานที่ที่เห็นชอบร่วมกัน ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ TBC ได้มีการประชุม
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ในแต่ละพื้นที่เป็นประจำอยู่เสมอ โดยล่าสุดมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น
(TBC) แม่สอด–เมียวดีครั้งที่ 46เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน
2562 ณ ห้องประชุมโรงแรม GRADE ONE อำเภอเมียวดี
จังหวัดเมียวดีสาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมาโดยมี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 (ฝ่ายไทย)
และผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 24 (ฝ่ายเมียนมา) เป็นประธานร่วมมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศและการพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน
ของทั้ง 2 ประเทศ ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน และการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าขายระหว่างประเทศ
และคณะกรรมการฯ RBC
ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3 มีอำนาจหน้าที่
ในการปรึกษาหารือถึงมาตรการที่อาจจำเป็นต่อการแก้ปัญหาความมั่นคงร่วมกัน
และปัญหาเฉพาะอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นบริเวณชายแดน
ตลอดจนรับผิดชอบให้มีการปฏิบัติมาตรการ
โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ ในการประสานงานและควบคุมดูแลให้บังเกิดผลของการปฏิบัติ โดยล่าสุดมีการประชุมคณะกรรมการฯ RBC ครั้งที่ 33 เมื่อวันที่ 26 - 28
มิถุนายน 2562 ณ โรงแรม
ดิ อิมพีเรียลภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 (ฝ่ายไทย) และ พลโท อ่อง โซ ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4
(ฝ่ายเมียนมา) เป็นประธานร่วม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือในความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จหลายประเด็น อาทิ การใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ในการแก้ปัญหา และลดความหวาดระแวงที่เกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างกันบริเวณพื้นที่ชายแดน , การพัฒนาสัมพันธ์ของหน่วยทหารตามแนวชายแดนในด้านต่าง
ๆในทุกระดับ อาทิเช่น การแข่งขันกีฬา และกิจกรรมอื่น ๆ ในโอกาสที่เหมาะสม , ความคืบหน้าของโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน
โดยฝ่ายไทย ได้เสนอให้ฝ่ายเมียนมาร่วมกันกำหนดพื้นที่ที่เหมะสมในการจัดทำหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานร่วมกันให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
, ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่ามลพิษทางอากาศส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้งสองประเทศและมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ผลกระทบจากปัญหาไฟป่าและหมอกควัน
, ความร่วมมือในการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด พร้อมทั้งให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันผ่านกลไกความร่วมมือที่มีอยู่
ประกอบด้วย คณะกรรมการ TBC และสำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน
(Border LaisonOffice : BLO) อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดน
, ฝ่ายไทยได้เสนอโครงการแลกเปลี่ยนการฝึกการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยให้ฝ่ายเมียนมาพิจารณา
ซึ่งฝ่ายเมียนมาได้รับทราบและจะได้นำเรียนให้หน่วยเหนือทราบ และสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ หลังจากที่ประเทศไทยเข้าสู่ห้วงฤดูหนาว ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก และคุณภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อวันที่27 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.30 น. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่านได้ร่วมประชุมกับสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่าน
เพื่อร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ทราบถึงภัยและร่วมกันป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้กับประชาชนพื้นที่จังหวัดน่านผ่านช่องทางทีวีช่องหลัก,เคเบิลทีวี, หนังสือพิมพ์ และเครือข่ายสถานีวิทยุทั้ง
15 อำเภอของจังหวัดน่าน
โดยมีนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านนำทีม
โดยสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดน่านมีความเต็มใจและพร้อมที่จะเดินเคียงข้างกับทุกภาคส่วนในการเป็นกระบอกเสียงและกระจายข่าวสารสู่ทุกชุมชนเพื่อหยุดยั้งและป้องกันการเกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ และเมื่อวันที่ 30พฤศจิกายน 2562คณะกรรมการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ได้รายงานผลการดำเนินการตามโครงการตรวจเข้มข้นรถโดยสารสาธารณะ
ตามสั่งการของ
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดปัญหาฝุ่นควันของจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายน 2562 นั้นตรวจพบรถโดยสารสาธารณะไม่ได้ค่ามาตรฐาน อาทิ รถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน จำนวน 34 คัน รถที่มีข้อบกพร่องอื่นๆ
เช่น อุปกรณ์ส่วนควบคุมจำนวน 419 คัน จึงได้แจ้งให้นำรถดังกล่าวไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุง
และเข้ารับการตรวจสภาพใหม่ภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจะประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืนและถาวรได้นั้น
ต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ในการแก้ไขปัญหา โดยจะต้องประชาสัมพันธ์
และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เกิดจิตสำนึกมีความรักและหวงแหนป่าไม้ในบ้านเกิด
รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
ตลอดจนต้องมีการวางแผนในให้เป็นระบบแบบแผนตามลำดับขั้นตอนได้อย่างมั่นคงและทันถ่วงที
นกพิราบศูนย์ข่าวพิจิตร **0831671688
ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่
3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น