จากกรณีชาวบ้านบ้านสักง่า หมู่ 2 ต.ศิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ นั่งคุกเข่าบนถนนที่เต็มไปด้วยโคลนตมลึกกว่า 50 ซ.ม. หลังจากถนนที่ใช้เดินทางเข้าหมู่บ้านพังชำรุด จนไม่สามารถเดินทางออกจากหมู่บ้านได้ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง แม้กระทั้ง รถไถนาที่ใช้ในการเกษตรก็ยังไม่สามารถขับผ่านได้ มีทางเดียวที่จะออกจากหมู่บ้านได้คือ เดินด้วยเท้าเปล่า ซึ่งเป็นระยะทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย หากเจ็บป่วยมีแต่จะตายอย่างเดียว และได้วอนขอนายกประยุทธ์ ช่วยส่งทหารนำเครื่องจักรเข้าซ่อมแซมถนนให้ด้วย
ต่อมา ว่าที่ ร.อ.อานนท์ เชื้อเล็ก นายอำเภอหล่มเก่า ได้ลงพื้นที่สำรวจ พร้อมเชิญผู้แทนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ นายก อบต.ศิลา และตัวแทนชาวบ้าน เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เบื้องต้นได้ให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงทำหนังสือถึงกองพลทหารม้าที่ 1 เพื่อนำเครื่องจักรดข้าปรับปรุงซ่อมแซมถนนให้สามารถใช้การได้ ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว จะได้ทำการเร่งรัดติดตามหนังสือขอใช้พื้นที่เพื่อทำถนนจากกรมป่าไม้ พร้อมกันนี้ให้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อจัดหางบประมาณในการสร้างเป็นถนนที่ได้มาตรฐานต่อไป
สำหรับเส้นทางดังกล่าว มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เป็นถนนดิน ในช่วงฤดูฝนถนนจะกลายเป็นดินโคลน ทำให้ในช่วงฤดูฝนชาวบ้านจะต้องกักตุนข้าวสารอาหารแห้งไว้โดยตลอด เพราะไม่ทราบชะตากรรมว่า จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเมื่อไร และที่น่าเศร้าที่สุดคือ เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ได้มีชาวบ้านบ้านสักง่า หมู่ที่ 2 ต.ศิลา อ.หล่มเก่า เจ็บป่วยและได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า แต่ไม่สามารถนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านได้ เนื่องจากถนนกลายเป็นดินโคลน ญาติจึงจำเป็นต้องนำศพไปประกอบพิธีที่บ้านญาติ เลขที่ 227 หมู่ 8 ต.ศิลา อ.หล่มเก่า ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตไปอีกกว่า 30 กิโลเมตร
ที่ผ่านมาอำเภอหล่มเก่า เคยทำเรื่องเสนอของบประมาณสร้างถนนลาดยางเข้าหมู่บ้านจาก จังหวัดหลายครั้ง แต่ถูกยกเลิก เนื่องจากเส้นทางดังกล่าว อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จึงไม่สามารถก่อสร้างได้ รวมทั้งยังเคยทำหนังสือขอใช้พื้นที่ทำถนนไปที่กรมป่าไม้หลายครั้ง แต่เรื่องกลับเงียบหายไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น