เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561 สืบเนื่องมาจากกรณี มีกระแสข่าวว่า มีนักโทษเมียนมาร์ ในเรือนจำเมืองผาอัน รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมาร์แหกคุก จำนวน 41 คน ซึ่งเบื้องต้นถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาร์จับได้แล้ว 14 คน และยิงทิ้ง 2 คน ยังเหลือที่ยังจับกุมตัวไม่ได้อีก 27 คน และอาจจะหลบหนีมายังชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้าน จังหวัดตาก นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทย ทั้งทหาร-ตำรวจ สภ.ต่างๆในพื้นที่ชายแดน- ตำรวจตระเวณชายแดน-ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก(ด่านแม่สอด) ได้มีการตรวจสอบข่าวและติดตามสถานการณ์อย่างใก้ลชิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองตามด่านชายแดนโดยผิดกฎหมาย และหวั่นว่าหากมีการลักลอบเข้าเมืองมาอาจจะส่งผลกระทบกับความมั่นคงและก่อปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ได้ เนื่องจากนักโทษกลุ่มนี้ถือว่าเป็นนักโทษที่ก่อคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง
รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดผาอัน รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมาร์ ได้ประสานด่วนไปยัง กองกำลังชนกลุ่มน้อย กองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ที่อยู่ในจังหวัดกอกาเลก และจังหวัดเมียวดี ตรงข้าม อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ให้ตั้งจุดสกัด เน้นตรวจสอบบุคคล ที่โดยสารไปกับรถยนต์ประเภทต่างๆ ตามเส้นทางจากเมืองผาอ่าง เมืองกอกาเลก ไปสู่พื้นที่ชายแดน เนื่องจากมีนักโทษ จำนวน 41 คน ในเรือนจำเมืองผาอัน ใช้รถยนต์ขนขยะพุ่งชนประตูเรือนจำ และต่างแยกย้ายกันหลบหนีไปตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่เมียนมาร์ทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำผาอัน และฝ่ายชนกลุ่มน้อย ต่างออกไล่ล่า ค้นหาตัวเพื่อจับกุมนักโทษทั้งหมด ซึ่งสามารถจับได้แล้ว 14 คน และยิงทิ้ง 2 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตนี้ มีผู้นำนักโทษ ที่พานักโทษหลับหนี ในคดียาเสพติด และมีโทษประหารชีวิตด้วย ส่วนที่เหลือจำนวน 27 คน ยังคงหลบหนีอยู่
เจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาร์ ยังคงระดมกำลังค้นหานักโทษ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเมือง และพื้นที่ป่า รวมทั้งเส้นทางต่างๆ การหลบหนีของนักโทษ ต้องมีเกลือเป็นหนอน หรือ เจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็นของการหลบหนีแน่นอน ซึ่งจะต้องสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เมียนมาร์ ยังได้ส่งรูปภาพนักโทษที่หลบหนีไปให้ประชาชนทราบ เพื่อชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่ ในการติดตามจับกุมตัวเพราะนักโทษที่หนีมานี้ส่วนใหญ่เป็นนักโทษที่ก่อคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง ในเมียนมาร์ เจ้าหน้าที่เมียนมาร์จึงต้องการติดตามจับกุมตัวให้ได้
สมภพ ทีมข่าวตาก-แม่สอด รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น