วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

นายกรัฐมนตรี พบผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ แนะแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาค้ออย่างยั่งยืน ต้องพัฒนาดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ระบุรัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง ท่องเที่ยวชุมชน และท่องเที่ยวเชิงเกษตร

นายกรัฐมนตรี พบผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ แนะแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาค้ออย่างยั่งยืน ต้องพัฒนาดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ระบุรัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง ท่องเที่ยวชุมชน และท่องเที่ยวเชิงเกษตร
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 เวลา 17.55 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ จำนวน 40 คน อาทิ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ ผู้แทนเกษตรกรตำบลเขาค้อ สมาชิกชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ ผู้แทนประชาชนตำบลเขาค้อ ผู้แทนประชาชนตำบลแคมป์สน เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาค้ออย่างยั่งยืน โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมอิมพีเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์  โดยมี พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พลตรี ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน ร่วมให้การต้อนรับ ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
การเดินทางมาตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นอกจากต้องการส่งเสริมการปลูกพืชสวนป่า การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพ (คลินิคหมอครอบครัว โรงพยาบาลเพชรบูรณ์) การพัฒนาแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ การจัดการที่ดินแล้ว ประเด็นในเรื่องของการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาค้ออย่างยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญ และต้องการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง
สำหรับอำเภอเขาค้อ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์จากการต่อสู้ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในอดีต และด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามแนวโน้มการขยายตัวของการท่องเที่ยวได้ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อแหล่งท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะขยะและสิ่งปฏิกูล ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม และการบุกรุกที่ดิน เป็นต้น  การพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่เขาค้ออย่างยั่งยืน จึงควรให้ความสำคัญกับการเตรียมการรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวในอนาคตอันใกล้ อาทิ การบริหารจัดการขยะ การบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาที่ดิน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ไฟฟ้า แหล่งน้ำอุปโภคบริโภค การส่งเสริมเกษตรอาหารปลอดภัย และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ จากการหารือและร่วมสนทนาในประเด็นดังกล่าว กลุ่มผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ ได้เสนอแนวทางการพัฒนา ดังนี้ 1. การพัฒนาการท่องเที่ยวเขาค้ออย่างยั่งยืน ได้เสนอแนวทางการพัฒนา อาทิ การสร้าง sky walk ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและสถานพยาบาล โครงสร้างพื้นฐาน เช่น การขยายถนนเข้าแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาระบบไฟฟ้า การพัฒนาระบบการจัดการขยะและการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ และแก้ไขปัญหาเรื่องที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามกฎกระทรวงฯ 2. การบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่ ได้เสนอขอให้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ 3. การบริหารจัดการเกษตร (เกษตรปลอดภัย) ได้เสนอขอให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านการเกษตร เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสู่มาตรฐานสากล 4. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ได้เสนอการสร้างฝายชะลอน้ำแทนฝายเดิมที่ชำรุด การสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เพื่อรองรับน้ำจากจากป่าชุมชน
โดยนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาข้อเสนอทั้ง 4 ข้อและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวทักทายผู้นำเครือข่ายชุมชนเขาค้อที่มาเข้าพบด้วยความเป็นกันเอง ยืนยันเรื่องทุกอย่างที่เสนอมา นายกรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ต้องบริหารจัดการทั้งหมดโดยได้มีการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ ซึ่งแนวทางการพัฒนาต่อไปนี้ ต้องพัฒนาและดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย โดยยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว รัฐบาลได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ มีการเชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง การท่องเที่ยวชุมชน และเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร
สำหรับการเสนอขอให้มีสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์พืชผลทางการเกษตรที่ทันสมัย เส้นทางคมนาคมขนส่งให้สะดวกมากขึ้น นายกรัฐมนตรีรับจะนำไปหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ขณะที่การบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลได้มีการดำเนินการทั้งระบบ ทั้งการดูแลเรื่องน้ำบริโภค อุปโภค การเกษตร และอุตสาหกรรม ตลอดจนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง คำนึงให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ โดยขณะนี้รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแล้ว ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีก็มีนโยบายให้มีการส่งเสริมปลูกป่าชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ รวมทั้งการปลูกต้นไม้ที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนได้ในอนาคต  เพราะสามารถใช้เป็นหลักประกันในการไปกู้เงินได้
พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี เพื่อวางอนาคตประเทศ โดยมีเป้าหมายทำให้ประชาชนพ้นจากความยากจนในอนาคต ยืนยันสิ่งต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลดำเนินการไม่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มใด ๆ ทั้งสิ้น การดำเนินการทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และขอฝากให้ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ร่วมกันทำเพื่อให้ประเทศก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน  พร้อมย้ำให้รู้เท่าทันการใช้สื่อโซเชียลและรู้จักใช้สื่อดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด







ขอบคุณภาพจาก ทีม PR ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษกสำนักยกรัฐมนตรี และ ศปส.ทภ.3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น