วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สู้เต็มที่เพื่อให้น้องๆกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวอย่างปลอดภัย ทภ.3 ระดมกำลังพลร่วมกับทุกภาคส่วน สนับสนุนภารกิจเพื่อพาเด็กๆออกจากถ้ำหลวง

สู้เต็มที่เพื่อให้น้องๆกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวอย่างปลอดภัย ทภ.3 ระดมกำลังพลร่วมกับทุกภาคส่วน สนับสนุนภารกิจเพื่อพาเด็กๆออกจากถ้ำหลวง
    จากกรณีการระดมค้นหานักฟุตบอลเยาวชน ทีมหมูป่าอคาเดมี 12 คน และผู้ฝึกสอนอีก 1 คน รวม 13 ชีวิต ที่สูญหายไปขณะเข้าไปภายในถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย  ตั้งแต่วันที่  23 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา กระทั่งเจ้าหน้าที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ได้ค้นหาและให้การช่วยเหลือได้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2561 ที่บริเวณหน้าถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา  อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลทหาร จากโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระเนศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 , โรงพยาบาลค่ายสุรศักดื์มนตรี, โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช และกรมการแพทย์ทหารบก พร้อมด้วย อาสาสมัครกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เร่งสูบน้ำออกจากถ้ำอย่างต่อเนื่อง  จากที่ใช้ท่อสูบน้ำ  3 ท่อ ก็ได้เพิ่มอีก 1 ท่อ รวมเป็น 4 ท่อ เพื่อต้องการสูบน้ำให้ได้มากที่สุดและให้ระดับน้ำลดลงอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะพาน้องๆทั้ง 13 คนออกมาอย่างปลอดภัย
เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ได้มีการจัดซักซ้อมใหญ่เพื่อเตรียมความพร้อมการขนย้ายลำเลียงเด็กนักฟุตบอลเยาวชนพร้อมผู้ฝึกสอนทั้ง 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวงไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการตรวจร่างกายและดูแลรักษาอาการหากพบมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น โดยมีระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรโดยใช้รถยนต์ตำรวจ จำนวน 13 คัน เป็นเสมือนรถตู้พยาบาล และมีตำรวจดูแลการจราจรมาตลอดแนวตั้งแต่ออกจากถ้ำหลวงไปถึงถนนพหลโยธินแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางทิศเหนือก่อนจะเลี้ยวกลับไปทาง อำเภอเมืองเชียงราย และเลี้ยวขวาตรงแยกศรีทรายมูลในเขตเทศบาลนครเชียงรายสู่อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน 14 ชั้นของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สำหรับในครั้งนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ 42 นาทีในการเดินทางดังกล่าว
จากนั้น เวลา 12.30 น. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ลงพื้นที่ติดตามภารกิจการกู้ภัยช่วยเหลือเด็กนักฟุตบอลเยาวชนพร้อมผู้ฝึกสอน 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน โดยมี พันเอก มีชัย นิลศาสตร์ รอง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ให้การต้อนรับ จากนั้น คณะฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและพิจารณาวางแนวทางการระบายน้ำในพื้นที่ตอนล่างที่รับน้ำจากถ้ำหลวงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ ณ จุดสูบน้ำพื้นที่ถ้ำหลวง ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย  เปิดเผยภายหลังว่า นอกจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นห่วงการนำทั้ง 13 ชีวิตที่ติดในถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอนออกมาแล้ว ยังมีความเป็นห่วงพื้นที่ที่เป็นจุดรับน้ำจากถ้ำหลวง จึงได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ รับฟังปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนระบายน้ำในพื้นที่รับน้ำจากถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งจัดทำแผนงานเพื่อสนับสนุนพื้นที่การเกษตรและชุมชนของผู้ได้รับผลกระทบและพื้นที่ใกล้เคียงควบคู่กันด้วย
สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่จุดรับน้ำที่ระบายออกจากถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ในเขตตำบลบ้านด้ายและตำบลโป่งผา โครงการชลประทานเชียงราย ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่การเกษตรซึ่งรับน้ำที่ระบายออกจากถ้ำหลวง ประมาณ 800 ไร่ พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการเตรียมแปลง และมีบางส่วนดำเนินการปักดำไปแล้วประมาณ 50 ไร่ ยังคงถูกน้ำท่วมขังอยู่นั้น โครงการชลประทานเชียงรายได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดท่อดูด 16 นิ้ว ท่อส่ง 12 นิ้ว สูบน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง จำนวน 1 เครื่อง มาติดตั้งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ หมู่ 5 บ้านสันปูเลย ตำบลบ้านด้าย อำเภอแม่สาย  เพื่อลดระดับน้ำที่ท่วมยอดข้าวหรือกล้าที่ปักดำแล้ว เนื่องจากเกษตรกรยังต้องการน้ำในระดับที่ไม่ท่วมมิดยอดต้นข้าว โดยเริ่มสูบน้ำเวลา 11.00 น. ของวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อสูบระบายน้ำจากพื้นที่น้ำท่วมขัง ให้ระบายลงสู่ลำน้ำจ้อง ลำน้ำมะ ลำน้ำลวก ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่  อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย  ตามลำดับ และเมื่อเวลา 15.00 น. ในวันเดียวกัน ระดับน้ำได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
 ตลอดวันนี้ กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 3 โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง , กองกำลังนเรศวร, กองพลทหารราบที่ 7 , กองพลทหารราบที่ 4 , กองพลทหารม้าที่ 1 , หน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับทุกภาคส่วน อาสาสมัครกู้ภัย , เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องปั้มน้ำขนาดใหญ่ เข้าไปภายในถ้ำเพื่อติดตั้งดำเนินการเร่งสูบน้ำและเดินท่อเข้าไปภายในช่วยระบายน้ำออกจากภายในในถ้ำ ให้ระดับน้ำลดลงสนับสนุนการปฏิบัติการเคลื่อนย้ายเด็กนักฟุตบอลเยาวชนพร้อมผู้ฝึกสอน 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ให้ทันตามแผนงานเวลา โอกาสนี้ พลตรี ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่กำลังพล เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมติดตามภารกิจ ด้วย ขณะนี้หน่วยซีลพร้อมแพทย์ทหาร พยาบาลทหาร เข้าไปดูแลเด็กกลุ่มดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว รวมทั้ง หมวดลาดตระเวนระยะไกล กองกำลังผาเมือง ได้นำกำลังพลมาสนับสนุนการติดตั้งปั้มเพิ่มในห้วงระยะ 800 เมตร พร้อมทั้ง ดำเนินการลากส่งสายไฟเพิ่มเติมเข้าไปภายในถ้ำ ซึ่งปัจจุบันการปฏิบัติงานของหน่วย seal อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ในการให้ความช่วยเหลือทีมหมูป่าให้กลับออกมาอย่างปลอดภัยต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ชี้แจงว่า จะพยายามติดตั้งสายโทรศัพท์เพื่อเชื่อมไปจนถึงจุดที่ทีมแพทย์หน่วยซีลและทีมหมู่ป่าอคาเดมีทั้ง 13 คนที่พักภายในถ้ำหลวงเพื่อให้ได้สื่อสารกับทางครอบครัว โดยผู้ปกครองหลายคนก็ปักหลักรอที่นี่ เพราะต้องการพูดคุยกับบุตรหลาน เป็นครั้งแรกในรอบ 11 วัน ขณะเดียวกันบริเวณทางเข้าไปยังถ้ำหลวง ก็มีการใช้เทคนิคการบ่มคอนกรีตโดยปูทับด้วยแผ่นยางสีขาว เพื่อปรับทางในระยะเร่งด่วน ให้สามารถเดินได้สะดวกขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ เส้นทางเต็มไปด้วยดินโคลน

















#พาน้องกลับบ้าน
#ถ้ำหลวง
#ทัพสามเคียงข้างประชาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มณฑลทหารบกที่ 37 และ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาส่งเสริมการฝึกอบรมวิชาชีพ ระหว่าง มณฑลทหารบกที่ 37 กับ สถาบันการศึกษา 6 สถาบัน

มณฑลทหารบกที่ 37   และ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 37  ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาส่งเ...