วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

หนักแค่ไหน สู้ไม่ถอย เพราะแรงใจคือหมูป่า 13 ชีวิต #ทัพสามเคียงข้างประชาชน

หนักแค่ไหน สู้ไม่ถอย
เพราะแรงใจคือหมูป่า 13 ชีวิต
#ทัพสามเคียงข้างประชาชน
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยซีลได้วางเบสไลน์และลำเลียงหลอดอากาศ เพื่อให้มีออกซิเจนเพียงพอภายในถ้ำ เพื่อให้หน่วยซีลดำน้ำได้นานและมีอากาศหล่อเลี้ยงให้หายใจได้สะดวก กำลังทหาร จาก กองทัพภาคที่ 3 ทั้งจากกองกำลังผาเมือง , กองพลทหารราบที่ 7, กองพลทหารราบที่ 4, กองพลทหารม้าที่ 1, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 , กองกำลังนเรศวร, มณฑลทหารบกที่ 37, มณฑลทหารบกที่ 34, กรมรบพิเศษที่ 5 , ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนระยะไกลกองกำลังผาเมือง จัดกำลังสนับสนุนภารกิจในการดำเนินการเดินสายไฟไปยังระยะ 1,500 เมตร อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเร่งลำเลียงเครื่องสูบน้ำ, ท่อระบายน้ำและขนอุปกรณ์ที่จำเป็นสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) หรือหน่วยซีล  และหน่วยกู้ภัย ตำรวจตระเวนชายแดน, อาสาสมัคร, นักประดาน้ำในทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ร่วมภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าและผู้ฝึกสอน รวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เพิ่มขีดความสามารถในการจ่ายกระแสไฟฟ้า เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการเพื่อรองรับการทำงานของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงการเตรียมการอพยพเคลื่อนย้าย 13 นักเตะหมูป่า Academy ออกจากถ้ำหลวง เพราะไม่ต้องการ ให้เหตุการณ์ยาวนานออกไป เป้าหมายเดียวตอนนี้คือเอาน้ำออกจากถ้ำให้เร็วและมากที่สุด  ซึ่งขณะนี้สามารถเข้าไป ทำการสูบน้ำในระยะ 1,500 เมตร  พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 500 kW จำนวน 2 เครื่อง จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องสูบน้ำภายในถ้ำ จำนวน 8 วงจร และเครื่องอัดอ๊อกชิเจน จำนวน 1 วงจร  สำรองจ่าย 1 วงจร รวม 10 วงจร เครื่องสูบน้ำ จำนวน   36 ตัว ,เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 60 kW จำนวน 2 เครื่อง จ่ายให้กับระบบสูบน้ำภายในถ้ำ จำนวน 3 วงจรเครื่องสูบน้ำ 5 ตัว และติดตั้งหม้อแปลงเสริมในระบบจำหน่าย จำนวน 1 เครื่อง (รวมของเดิมทีตั้งเสริมครั้งแรกเป็น 2 เครื่อง) จ่ายให้กับ กองอำนวยการ ศูนย์สื่อมวลชน โรงครัวพระราชทาน โรงพยาบาลสนาม  ด้วย
กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด เจ้าหน้าที่และทุกองคาพยพก็ต้องเดินด้วยท้องฉันนั้น เพื่อปฏิบัติภารกิจในแต่ละวัน
        ที่ "ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน" บริเวณปากถ้ำแห่งนี้มี "โรงครัวพระราชทาน"ซึ่งมี "จิตอาสา" จำนวนมากเข้ามาทำหน้าที่ประกอบอาหาร แจกจ่ายอาหาร แม้กระทั่งการล้างภาชนะเอง
        ในโรงครัวพระราชทาน หรือเต็นท์ที่ภาคประชาชนนำมาตั้งเพื่อแจกจ่ายเจ้าหน้าที่ และภาคส่วนต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน ที่นี่คำว่า "ทานข้าวยังคะ – เพิ่มข้าวมั้ยคะ - อิ่มมั้ยลูก" ดูจะเป็นประโยคที่ระงมทั้งวัน จากจิตอาสา และอาสาสมัครเหล่านี้
นอกจากอาหารการกินที่มีความสำคัญสำหรับคนหมู่มากที่มาอยู่รวมกันแล้ว เรื่องของสุขา ห้องน้ำ ห้องท่า ทางเดิน ถือเป็นอีกจุดที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ด้วยปริมาณห้องน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด กับคนเป็นพันๆ ชีวิต กอปรกับสภาพพื้นที่ในปัจจุบันที่เป็นดินโคลน เนื่องจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้พื้นห้องน้ำเต็มไปด้วยโคลน และไปอุดตันจนท่วมขัง เรื่องของการรักษาความสะอาดจึงเป็นงานที่หนักหน่วงพอสมควร  จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ลงมือร่วมแรงทำความสะอาดฉีดน้ำล้างพื้นทางเดิน เพื่อป้องกันการลื่นระหว่างปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวกให้กับทีมเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ดำเนินภารกิจอย่างเต็มกำลัง  เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ที่ทำให้เห็น "พลังคนไทย " ในการร่วมมือกันเพื่อกอบกู้วิกฤติ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้เห็น "พลังน้ำใจ" จากกัลยาณมิตรจากต่างแดน ในการหยิบยื่นความช่วยเหลือด้านกำลังคน อุปกรณ์ เพื่อนำ 13 ชีวิต ออกมาจากถ้ำสู่อ้อมอกครอบครัวอย่างปลอดภัยและรวดเร็วที่สุด

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น