ปราจีนบุรี ฝนตกถนนลื่นกระบะเสียหลักผลิกคว่ำวิดดับยกคัน!!
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่30 มิ.ย.61 ร.ต.อ.ณัฐชนน นึกรักษ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ศรีมโหสถ รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู เขต สภ.ศรีมโหสถ ว่ามีรถยนต์กระบะเสียหลักผลิกคว่ำ มีผู้บาดเจ็บหลายรายบนถนนเส้นทาง304 ช่วงหน้าโรงงานวัฒณไพศาล ต.โคกไท อ.ศรีมโหสถ จึงได้เดินทางไปที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะแบบ4ประตูสีขาว ทบ 1กก5307 กทม. จอดหันหน้าเส้นทางมุ่งหน้ากบินร์บุรี ในสภาพด้านหน้าและหลังคายุบได้รับความเสียหาย ส่วนผู้บาดเจ็บมีจำนวนทั้งหมด5ราย หน่วยกู้ภัยได้ลำเรียงส่ง รพ.โสธรเวช304 แพทย์รับรักษาผู้บาดเจ็บมีอาการหัวแตกปากแตกและบอบช้ำตามร่างกาย เนื่องจากผู้บาดเจ็บได้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน ทางพนักงานสอบสวนจึงได้เดินทางไปที่ รพ. เพื่อสอบสวนคนขับหาสาเหตุผู้บาดเจ็บรายแรก 1.นาย สมชาย บุญจันทร์ อายุ29ปีเป็นผู้ขับขี่ 2.นางสาวรจนา ปีมา อายุ29ปี
3.ด.ญ. ชุติกาญจน์ หลินป่อง อายุ11ปี 4.ดช. วีรภัทร บุญจันทร์ อายุ3ปี ทั้งหมดอาศัยบ้านเลขที่120 ม.2 ต.หัวช้าง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสเกต และอีก1ราย น.ส สุมารี บุญจันทร์ อายุ35ปี อาศัย 48/49 ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี
จากการสอบถามนายสมชายทราบว่าตนเองและครอบครัวได้เดินทางมาจาก จังหวัดชลบุร ีนั่งรถมาด้วยกันมีรถจำนวน2คัน ได้เดินทางมาที่ จังหวัดปราจีนบุรีในเขตอำเภอประจันตคราม มาเยี่ยมญาติพี่น้อง แล้วได้ถือโอกาสไปเที่ยวน้ำตกธารทิพย์ พอถึงเวลากลับได้เดินทางออกจากน้ำตกเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆจนมาเกิดอุบัตติเหตุในเส้นทางดังกล่าง ขณะก่อนเกิดเหตุ นายสมชายบอกว่ามีฝนตกตามเส้นทางช่วงถึงจุดเกิดเหตุฝนตกลงมาอย่างหนักตนเองไม่ค่อยชินเส้นทางรถเกิดเสียหลักลงล่องกลางแล้วขึ้นไปอีกฝั่งของถนนรถได้ผลิกประมาณ2ตลบแล้ว จึงได้สงบนิ่งซึ้งตนเองก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก หลังจากตั้งสติได้จึงได้สอบถามคนที่มาในรถด้วยกันว่าทุกคนยังอยู่ครบหรือไม่ แล้วหันไปมองส่วนมากทุกคนยังตกตลึ่งกับเหตุการณ์ บางคนรวมทั้งตนเองหัวแตกบาง ปากแตกบาง ฟกช้ำตามร่างกายทุกคน แต่ยังโชคดีที่ยังไม่มีใครเสียชีวิต
ภาพ/นิรุธ รักษาพล
ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ
์ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน...
นกพิราบศูนย์ข่าวพิจิตร.ข่าวทั่วไทยออนไลน์ . จิตอาสาพัฒนา เราทำดีด้วยหัวใจ ติดต่อ 0831671688
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ปราจีนบุรี แบบนี้ก็ได้หรือเมาแล้วขับบอกประ กันชั้นหนึ่งขอเปลี่ยนตัวคนขับหนักเป็นเบา!!
กันชั้นหนึ่งขอเปลี่ยนตัวคนขับหนักเป็นเบา!!
เมื่อเวลา 01.20 น.วันที่
30 มิย.61 พ.ต.ต.นันทพล ขุนละคร พนักงาน
สอบสวนสภ.สระบัวได้
รับแจ้งจากพบเมืองดีว่า
มีเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ
ทำให้ทรัพย์สินของ
หลวงเสียหาย หลังได้รับ
แจ้งให้สายตรวจรถยนต์
ออกตรวจสอบเหตุทันที
ที่เกิดเหตุถนนสาย 304
กบินทร์บุรี-ปักธงชัย ขา
ล่องบริเวณ. กม.ที่ 153
เยื้องอบต.ลาดตะเคียน
อ.กบินทร์บุรี
จ.ปราจีนบุรี พบรถยนต์
กระบะอีซูซุสีขาว4 ประ
ตู ทะเบียน กต.4655
ปจ.อยู่ในสภาพพลิกคว่ำตะแคงอยู่กลางท้องล่อง
ด้านหน้าถูกชนกับเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ล้มพังเสียหาย 1 ต้น แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการสอบถามนายฐากูร อิ่มหิรัฐ อยู่บ้านเลขที่ 99/3 ม.1ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี
จ.ปราจีนบุรี คนขับเล่า
ให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุตน
ขับรถคันดังกล่าวเพื่อที่
จะกลับบ้านแฟน พอมา
ถึงที่เกิดเหตุเลยที่กลับ
รถประกอบกับขับรถมา
ด้วยความเร็วและกินเหล้ากับเพื่อนมา 2 ขวด
เบรครถแต่ไม่สามารถ
ควบคุมรถได้จึงเกิดเสีย
หลักพลิกคว่ำดังกล่าว
ขณะเกิดเหตุได้เรียก
ประกันและขอคุยด้วยเพื่อจะขอเปลี่ยนตัวคนขับที่ไม่เมาเหล้า จากนั้นจึงมาขอร้องผู้สื่อข่าวไม่ให้เสนอข่าวนี้เกรงจะเสียหายและดูไม่ดี...
ภาพ/ข่าว:ทองสุข
สิงห์พิมพ์ ผู้สื่อข่าวประ
จำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน...
ปราจีนบุรี วัยโจ๋ควบรถจักรยานยนต์หลังจากเลิกงานเสียหลักชนกระบะสาหัส!!
ปราจีนบุรี วัยโจ๋ควบรถจักรยานยนต์หลังจากเลิกงานเสียหลักชนกระบะสาหัส!!
วันนี้เวลา 09.00 น. ร.ต.อ.ปัณณวิชญ์ บัวชุม รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ. บ้านสร้าง ได้รับแจ้งจากกู้ภัยสว่างบำเพ็ญฯจุดบ้านสร้างมีอุบัติเหตุเส้นทาง ถนนบ้านสร้าง-ปราจีนบุรี บริเวณใกล้เคียงวัดหัวไผ่ ม.3 ต.บางพลวง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบรถกระบะ โตโยต้าทะเบียน ผว-7756 นครราชสีมา สีดำ บริเวณหน้ารถด้านซ้ายถูกชนยุบเข้าไปจนถึงล้อหน้าและยังพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ125 สีดำ-แดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเทียน ติดอยู่หน้ารถกระบะ ในที่เกิดเหตุส่งผลมีผู้ได้บาดเจ็บชาย 1 รายขาท่อนล่างผิดรูป แขนซ้ายหัก และมีแผลฉีกขาดบริเวณคิวด้านซ้าย อาการสาหัส หน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญฯจุดบ้านสร้างได้เร่งรีบให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งต่อให้รถกู้ชีพรพ. บ้านสร้างรับดำเนินการส่งรพ. บ้านสร้าง
ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ นายวิวรรธน์ บุญเลิศ อายุ20ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 70 ม.7 ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
จากการสอบถามพ่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งลูกชายฝึกงานอยู่แถวโรงงาน304 หลังเลิกงานก็จะเดินทางไปกลับด้วยรมอเตอร์ไซค์เหมือนเช่นทุกวัน นายขัวญ มุ่งภูเขียว อายุ 36ปี 186 ม.4 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนและภรรยาเดินทางมาจาก กรุงเทพ เพื่อที่จะมารับยาที่บ้านหมอแสง เอาไปให้แม่ตนและภรรยา มารับยาที่บ้านหมอแสงครั้งนี้เป็นครั้งที่5แล้ว ก็จะใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ ระหว่างที่ตนขับรถโดยใช้เส้นทางบ้านสร้าง -ปราจีนบุรี ขับมาตามปกติพอมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆก็มีรถจักยานยนต์ พุ่งออกมาจากเลนส์อีกฝั่งอย่างกระชั้นชิดแล้วพุ่งมาชนบริเวณด้านซ้ายหน้ารถของตนอย่างจังจึงทำให้มีผู้ได้บาดเจ็บตนและภรรยาจึงได้รีบไปดูผู้ได้บาดเจ็บและได้มีชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมามาช่วยดูและรีบแจ้งให้กู้ภัยมาช่วยเหลือ
ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ขับขี่รถกระบะ ไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป...
ภาพ/มานพ เสนานุช
ข่าว/ ทองสุข สิงห์พิมพ์ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน...
วันนี้เวลา 09.00 น. ร.ต.อ.ปัณณวิชญ์ บัวชุม รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ. บ้านสร้าง ได้รับแจ้งจากกู้ภัยสว่างบำเพ็ญฯจุดบ้านสร้างมีอุบัติเหตุเส้นทาง ถนนบ้านสร้าง-ปราจีนบุรี บริเวณใกล้เคียงวัดหัวไผ่ ม.3 ต.บางพลวง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบรถกระบะ โตโยต้าทะเบียน ผว-7756 นครราชสีมา สีดำ บริเวณหน้ารถด้านซ้ายถูกชนยุบเข้าไปจนถึงล้อหน้าและยังพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ125 สีดำ-แดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเทียน ติดอยู่หน้ารถกระบะ ในที่เกิดเหตุส่งผลมีผู้ได้บาดเจ็บชาย 1 รายขาท่อนล่างผิดรูป แขนซ้ายหัก และมีแผลฉีกขาดบริเวณคิวด้านซ้าย อาการสาหัส หน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญฯจุดบ้านสร้างได้เร่งรีบให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งต่อให้รถกู้ชีพรพ. บ้านสร้างรับดำเนินการส่งรพ. บ้านสร้าง
ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ นายวิวรรธน์ บุญเลิศ อายุ20ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 70 ม.7 ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
จากการสอบถามพ่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งลูกชายฝึกงานอยู่แถวโรงงาน304 หลังเลิกงานก็จะเดินทางไปกลับด้วยรมอเตอร์ไซค์เหมือนเช่นทุกวัน นายขัวญ มุ่งภูเขียว อายุ 36ปี 186 ม.4 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนและภรรยาเดินทางมาจาก กรุงเทพ เพื่อที่จะมารับยาที่บ้านหมอแสง เอาไปให้แม่ตนและภรรยา มารับยาที่บ้านหมอแสงครั้งนี้เป็นครั้งที่5แล้ว ก็จะใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ ระหว่างที่ตนขับรถโดยใช้เส้นทางบ้านสร้าง -ปราจีนบุรี ขับมาตามปกติพอมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆก็มีรถจักยานยนต์ พุ่งออกมาจากเลนส์อีกฝั่งอย่างกระชั้นชิดแล้วพุ่งมาชนบริเวณด้านซ้ายหน้ารถของตนอย่างจังจึงทำให้มีผู้ได้บาดเจ็บตนและภรรยาจึงได้รีบไปดูผู้ได้บาดเจ็บและได้มีชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมามาช่วยดูและรีบแจ้งให้กู้ภัยมาช่วยเหลือ
ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ขับขี่รถกระบะ ไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป...
ภาพ/มานพ เสนานุช
ข่าว/ ทองสุข สิงห์พิมพ์ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน...
ปราจีนบุรี วัยรุ่นหัวร้อน เคลียร์ไม่จบคว้า.38 ซันโวเพื่อนหวิดดับถูกรวบ ทันควัน 4 สหาย!!
ปราจีนบุรี วัยรุ่นหัวร้อน
เคลียร์ไม่จบคว้า.38 ซันโวเพื่อนหวิดดับถูกรวบ
ทันควัน 4 สหาย!!
เมื่อเวลา 21.30 น. 29
มิย.61 ร.ต.อ.ปรีชา
จุลโพธิ รองสารวัตร
สอบสวนสภ.ระเบาะไผ่
อ.ศรีมหาโพธิ
จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้ง
จากศูนย์วิทยุ ว่า มีคนถูกยิงที่อู่ซ่อม หน้าสภ.ระเบาะไผ่บาดเจ็บ2 ราย กู้ภัยสว่างบำเพ็ญ
ธรรมสถานปราจีนนำส่ง
โรงพบาบาลศรีมหาโพธิ
ทราบชื่อนายสุทธิพงษ์
โปสันเทียะ อายุ 20 ปี
อยู่ที่ 38 ม.5 ต.หนอง
โพลง อ.ศรีมหาโพธิ
จ.ปราจีนบุรี ถูกยิงเข้าที่ขาซ้ายกระสุนฝังใน
นายภัทรนัย ประทุมมา
อายุ 25 ปี อยู่ที่159 ม.
5 ต.หนองโพลง
อ.ศรีมหาโพธิ
จ.ปราจีนบุรี ขณะเกิด
เหตุทั้งสองนั่งกินเหล้า
อยู่ในอยู่ซ่อมรถ และ
มีผู้ก่อเหตุเบิ้ลรถเสียงดังเลยเถียงกัน เป็นเหตุ
ให้พวกไม่พอใจจึงชักปีนพกสั้นออกมายิงใส่
หลายนัดแล้วพากันขึ้น
รถเก๋งหลบหนี เวลาต่อ
มาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ตั้งด่านที่จุดประสบโชค
พบรถต้องสงสัยจึงเรียก
ให้หยุด เพื่อขอตรวจค้น
ภายในรถพบวับรุ่นชาย
นั่งมาในรถ 4 คน ท่าทาง
มีพิรุธจึงตรวจค้นอย่าง
ละเอียดพบอาวุธปืนพก
สั้นขนาด.38 วางอยู่ใต้
ที่พักเท้าด้านซ้ายหลังคนขับและซองปืนวางอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่
จึงควบคุมตัวทั้งหมด
มาที่หน้าตู้ประสบโชคพื้นที่สภ.ศรีมหาโพธิ
และประสานไปยังสภ.
ระเบาะไผ่ จากการตรวจ
ค้นรถเก๋งมิตซูสีเทาดำอย่างละเอียดพบหมาย
เลขทะเบียนซุกซ่อนอยู่
ด้านหลัง จากการสอบ
ถามนาย วุฒิเดช พัฒดำ
อายุ 25 ปี หนึ่งในสี่คน
ยอมรับสารภาพว่าตน
เป็นคนลงมือยิงบุคคล
ทั้งสองจริงแต่ไม่ยอม
บอกว่าสาเหตุใด ตนมึนจำบ้านเลขที่ไม่ได้แล้วและนาย กิตกร พรมศรี นายพีรพัฒ ค้ำชู นายปิยะทัด พรมศรี ทั้งสามคนไม่ให้การใดๆทั้งสินเวลา22.40 น.นาที ร.อ.ต.ปรีชา จุลโพธิ และชุดสืบสวนสภ.ระเบาะไผ่ดินทางมาที่เกิดเหตุและนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.เพื่อที่จะได้แจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป...
ภาพ/นิรุธ รักษาพล
ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัด
ปราจีนบุรี/รายงาน...
เคลียร์ไม่จบคว้า.38 ซันโวเพื่อนหวิดดับถูกรวบ
ทันควัน 4 สหาย!!
เมื่อเวลา 21.30 น. 29
มิย.61 ร.ต.อ.ปรีชา
จุลโพธิ รองสารวัตร
สอบสวนสภ.ระเบาะไผ่
อ.ศรีมหาโพธิ
จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้ง
จากศูนย์วิทยุ ว่า มีคนถูกยิงที่อู่ซ่อม หน้าสภ.ระเบาะไผ่บาดเจ็บ2 ราย กู้ภัยสว่างบำเพ็ญ
ธรรมสถานปราจีนนำส่ง
โรงพบาบาลศรีมหาโพธิ
ทราบชื่อนายสุทธิพงษ์
โปสันเทียะ อายุ 20 ปี
อยู่ที่ 38 ม.5 ต.หนอง
โพลง อ.ศรีมหาโพธิ
จ.ปราจีนบุรี ถูกยิงเข้าที่ขาซ้ายกระสุนฝังใน
นายภัทรนัย ประทุมมา
อายุ 25 ปี อยู่ที่159 ม.
5 ต.หนองโพลง
อ.ศรีมหาโพธิ
จ.ปราจีนบุรี ขณะเกิด
เหตุทั้งสองนั่งกินเหล้า
อยู่ในอยู่ซ่อมรถ และ
มีผู้ก่อเหตุเบิ้ลรถเสียงดังเลยเถียงกัน เป็นเหตุ
ให้พวกไม่พอใจจึงชักปีนพกสั้นออกมายิงใส่
หลายนัดแล้วพากันขึ้น
รถเก๋งหลบหนี เวลาต่อ
มาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ตั้งด่านที่จุดประสบโชค
พบรถต้องสงสัยจึงเรียก
ให้หยุด เพื่อขอตรวจค้น
ภายในรถพบวับรุ่นชาย
นั่งมาในรถ 4 คน ท่าทาง
มีพิรุธจึงตรวจค้นอย่าง
ละเอียดพบอาวุธปืนพก
สั้นขนาด.38 วางอยู่ใต้
ที่พักเท้าด้านซ้ายหลังคนขับและซองปืนวางอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่
จึงควบคุมตัวทั้งหมด
มาที่หน้าตู้ประสบโชคพื้นที่สภ.ศรีมหาโพธิ
และประสานไปยังสภ.
ระเบาะไผ่ จากการตรวจ
ค้นรถเก๋งมิตซูสีเทาดำอย่างละเอียดพบหมาย
เลขทะเบียนซุกซ่อนอยู่
ด้านหลัง จากการสอบ
ถามนาย วุฒิเดช พัฒดำ
อายุ 25 ปี หนึ่งในสี่คน
ยอมรับสารภาพว่าตน
เป็นคนลงมือยิงบุคคล
ทั้งสองจริงแต่ไม่ยอม
บอกว่าสาเหตุใด ตนมึนจำบ้านเลขที่ไม่ได้แล้วและนาย กิตกร พรมศรี นายพีรพัฒ ค้ำชู นายปิยะทัด พรมศรี ทั้งสามคนไม่ให้การใดๆทั้งสินเวลา22.40 น.นาที ร.อ.ต.ปรีชา จุลโพธิ และชุดสืบสวนสภ.ระเบาะไผ่ดินทางมาที่เกิดเหตุและนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.เพื่อที่จะได้แจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป...
ภาพ/นิรุธ รักษาพล
ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัด
ปราจีนบุรี/รายงาน...
แม่ทัพภาคที่ 3..... ลงพื้นที่ติดตามภารกิจค้นหา 13 นักเตะ หมูป่า ขุนน้ำนางนอน “ ชม...กำลังพลทุ่มเสียสละสมเป็นทหารพระราชา ทหารของประชาชน ”
แม่ทัพภาคที่ 3..... ลงพื้นที่ติดตามภารกิจค้นหา 13 นักเตะ หมูป่า ขุนน้ำนางนอน “ ชม...กำลังพลทุ่มเสียสละสมเป็นทหารพระราชา ทหารของประชาชน ”
บรรยากาศการกู้ภัยเพื่อช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ทั้ง 13 ชีวิต ที่ยังติดอยู่ในถ้ำหลวง ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการสูบน้ำออกจากถ้ำ ยังคงมีการสูบอย่างต่อเนื่อง โดยสังเกตได้ว่าน้ำที่สูบออกมามีความใส และ เย็นมาก เพื่อลดระดับน้ำในห้องโถงภายในถ้ำ
โดยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561 เวลา 20.30 น. จิตศรัทธาประชาชนได้นิมนต์ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร พระเกจิอาจารย์สองแผ่นดินไทย - เมียนมา มาทำพิธีขอขมาและเปิดถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน โดยทางครูบาบุญชุ่มใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมงในการทำพิธี มีการกรวดน้ำลงสู่แผ่นดินหน้าถ้ำ โดยมี พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 และนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมพิธีด้วย
ขณะที่ หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้แถลงข่าวว่า ในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ว่าจะมีการทำการซักซ้อมแผนการอพยพคนเจ็บออกจากถ้ำ จะมีการใช้รถพยาบาล รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ในการส่งกลับในการทดสอบจะทำตั้งแต่นำเขาออกมา ต้องปฐมพยาบาลอย่างไร หมอสนามจะต้องทำอย่างไร และจะตั้งเคสว่าน้องจะเป็นอย่างไร จะส่งต่อรถพยาบาลอย่างไร ส่งต่อเฮลิคอปเตอร์อย่างไร จะบินไปลงที่สนามบินเก่า และนำส่งต่อโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพราะเมื่อหากนำเด็กออกจากถ้ำจะทำเป็นระบบ ขอย้ำเป็นการซ้อมขออย่างมีการสร้างความสับสนเลย " นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ในช่วงเย็นวันที่ 29 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ลงพื้นที่ไปตรวจสอบการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่และเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล เจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานที่บูรณาการร่วมกันในการปฏิบัติค้นหาผู้ประสบภัยครั้งนี้ พร้อมมอบแนวทางการปฏิบัติงาน และพร้อมสนับสนุนอำนวยความสะดวกในการดำเนินการต่างๆที่จำเป็นให้ภารกิจได้สำเร็จได้ด้วยดี
ด้านนายทรงวิทย์ แก้วมหานิล เจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง หนึ่งในทีมงานนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ทางกลุ่มได้แยกสำนักงานออกไปปฏิบัติบริเวณท้ายถ้ำใกล้ช่องมาร์ติน เพราะได้มีชาวต่างชาติที่เดินถ้ำเคยเข้าไปจนถึงสุดปลายถ้ำระยะทางไกลจากปากถ้ำประมาณ 10 กิโลเมตรมาแล้ว โดยเขาระบุว่าจุดดังกล่าวมีช่องที่มีแสงพระอาทิตย์เข้าไปและมีอากาศถ่ายเท ทำให้อาจสามารถใช้การเจาะเข้าไปบริเวณดังกล่าวได้ ดังนั้นทางกลุ่มจึงมีหน้าที่ในการจัดทำแผนที่กำหนดจุด เพื่อชี้เป้าว่าเด็กน่าจะติดอยู่ตรงจุดไหนของถ้ำในแนวดิ่ง
ส่วนการให้กำลังใจการช่วยเหลือโค้ชและนักเตะเยาวชน หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย 13 ชีวิต หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมใจจัดกิจกรรมสวดมนต์ขอพรให้ทีมหมูป่าได้รับความช่วยเหลือออกมาโดยเร็ว ขณะที่นักเรียน โรงเรียนชัยนาทพิทยาคม กว่า 2 พันคน ร่วมแปรอักษรรูปหัวใจ มีหมายเลข 13 อยู่ตรงกลาง เพื่อส่งกำลังใจให้ทีมฟุตบอลปลอดภัย ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวหลังการประชุม มหาเถระสมาคม (มส.) ว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) ทรงเชิญชวนขอให้คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนร่วมเจริญพระพุทธมนต์ และอธิษฐานจิตเพื่อขอให้ทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำออกมาอย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทยมุสลิมตามจังหวัดต่างๆ ร่วมทำพิธีละหมาดตามมัสยิด ขอให้พระ ผู้เป็นเจ้าคุ้มครอง และและค้นหาทีมหมูป่าให้พบโดยเร็ว
จ.ตาก เด็กนักเรียนและครูโรงเรียนบ้านยะพอ..จุดเทียน สวดมนต์ อธิฐาน ส่งกำลังใจให้..ทีมหมูป่า ออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย
ส่งกำลังใจให้..ทีมหมูป่า ออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย
เมื่อวันที่29มิย.2561ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเด็กนักเรียนชนเผ่าชาวปากะญอโรงเรียนบ้านพอ พร้อมคณะครู ได้จุดเทียน สวดมนต์ อธิฐานและร่วมกันอธิษฐาน พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้ ทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนใด้ออกจากถ้ำ โดยเร็วจากกรณีที่มีเด็กนักเรียนชาย ทีมฟุตบอลหมูป่า จำนวน 12 คน และโค้ชอีก 1 คน ติดอยู่ในถ้ำวนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561โรงเรียนบ้านยะพอมีเด็กนักเรียน407คนเป็นชาวปากะญอคุณครู22คนโดย.มีพยุพล ภักดีคุณธรรมเป็นประธาน กรรมการสถานศึกษา ครูปราณี ใจคำครูโรงเรียนบ้านยะพอกล่าวว่า ทางโรงเรียนบ้านยะพอ ก็มีกิจกรรม เกี่ยวกับ โครงการ สร้างคุณธรรมจริยธรรมให้กับเด็กนักเรียน ทุกวันศุกร์ เลยใช้โอกาส เดียวกันนี้ สวดมนต์ อธิษฐาน ส่งกำลังใจ ให้กับ ทีม หมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน วันนี้ครูและนักเรียนใด้พร้อมใจกัน จุด เทียน ก็เพื่อ เป็นกำลังใจและเป็นส่วนหนึ่งของกำลังใจ ให้ทีมหมูป่า ด.ญ กชนันท์ อายุ 15ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนบ้านยะพอบอกว่าวันนี้ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านยะพอได้สวดมนต์อธิษฐานส่งกำลังใจ ส่งกำลังจิต ไปให้ ทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำให้ออกมาโดยเร็วอย่างปลอดภัย
ทีมข่าวจิตอาสา ตาก - แม่สอด รายงาน
วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561
“ ลุงตู่ลุยโคลนถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ” นายกรัฐมนตรี บินติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจจนท. ช่วย13ชีวิตทีมหมูป่า
“ ลุงตู่ลุยโคลนถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ” นายกรัฐมนตรี บินติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจจนท. ช่วย13ชีวิตทีมหมูป่า
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังทำงานช่วยเหลือเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหรือโค้ชทีมฟุตบอลทีมเยาวชน ทีมหมูป่าอะคาเดมี รวม 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลววง - ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตอย่างใกล้ชิด โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้รับฟังสรุปการปฏิบัติงานจาก นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และยังได้เดินสอบถามเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ที่ได้ร่วมปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ โดยมี พลตรีฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3, พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ให้การต้อนรับและติดตามปฎิบัติภารกิจ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561
จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นจุดแรก ต่อจากนั้นเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ภัย และ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเดินทางไปตรวจสอบหน้าปากถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติและแผนการช่วยเหลือ โดยนายกรัฐมนตรีได้ซักถามในเรื่องการระบายน้ำออกจากถ้ำ การสำรวจโพรงถ้ำ ตลอดจนการขุดเจาะถ้ำ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และระมัดระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุ หากขาดสิ่งใดรัฐบาลพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้มาช่วยกันปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือ 13 ชีวิต และห่วงใยเรื่องสุขภาพเจ้าหน้าที่ทุกคน ซึ่งภารกิจสำคัญคือ เด็กและเจ้าหน้าที่ต้องปลอดภัย
ต่อมา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินออกจากถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน เพื่อออกมาพบปะกับพ่อแม่ผู้ปกครองและญาติของทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำที่เต็นท์ โดยมีทีมแพทย์ สาธารณสุขให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจจากการประสบภาวะวิกฤต คอยให้กำลังใจประชาชนอยู่ รวมทั้งมีพระสงฆ์อาสามาให้กำลังใจและผ่อนคลายจิตใจสงบจิตด้วยหลักพระพุทธศาสนาตลอดทั้งวัน
โดยนายกรัฐมนตรี ได้พบปะพูดคุยกับพ่อแม่ของเด็กหลายคน และให้กำลังใจว่าจะต้องช่วยเหลือเด็กออกมาให้จงได้ในเร็วเร็วนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะได้เดินเท้ามาที่ตั้งโรงครัวพระราชทาน ซึ่งเป็นรถยนต์เคลื่อนที่จำนวน 3 คัน สนับสนุนจาก มณฑลทหารบกที่ 37 เพื่อเยี่ยมเยือนเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 และประชาชนจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ที่ทำงานอุทิศตนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งเหตุการณ์นี้ ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งของประเทศ ทำให้เห็นน้ำใจของคนไทย และจากต่างประเทศ ที่เข้าให้การช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จึงขอให้ทุกคนมีความหวังอย่าท้อแท้ ขอให้เชื่อมั่นว่า เด็กทุกคนจะปลอดภัย เจ้าหน้าที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กทุกคนได้ รวมทั้งขอให้ทุกคนมีสมาธิ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจว่า ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วง ทรงติดตามข่าว และทรงแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ บุตรหลานของประชาชนทุกคนก็เหมือนกับบุตรหลานของตน ดังนั้นขอให้ผู้ปกครองเด็กทุกท่านเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งได้พุดคุยกับผู้ปกครองเด็ก โดยพูดถึงเรื่องการเกษตร ชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อให้ผู้ปกครอง เกิดความสบายใจไม่เครียด พร้อมเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องโรคน้ำกัดเท้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ได้เดินสำรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำ และเยี่ยมกับญาติของผู้ประสบภัยว่า ที่มาในวันนี้ก็มาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งก็พอใจกับการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งถือว่าดีมาก และก็ขอให้กำลังใจกับทุกคน เพราะผมก็ถือว่าเด็กๆ ทั้ง 13 คนเป็นลูกเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ประชาชนคนไทยทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จะมีการประสานงานกับทางการเมียนมาให้การช่วยเหลือ เกี่ยวกับช่วยลดระดับน้ำเพื่อไม่ให้ไหลเข้าถ้ำ ด้วย
สำหรับเหตุการณ์อย่างนี้ ถือเป็นประสบการณ์ของประเทศเลยก็ว่าได้ที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ ซึ่งการมาครั้งนี้ได้นำพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงเป็นห่วงกับเหตุการณ์นี้ ทุกคนมีความรักที่มีต่อลูกต่อครอบครัวอยู่แล้ว แต่ความรักยังไม่พอ ต้องมีแรงศรัทธา ศรัทธาในตัวเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ศรัทธา ในตัวลูกของเราว่าลูกของเราเข้มแข็ง สิ่งนี้จะทำให้เกิดความสำเร็จ เชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังทำงานช่วยเหลือเด็กนักฟุตบอล และผู้ฝึกสอนหรือโค้ชทีมฟุตบอลทีมเยาวชน ทีมหมูป่าอะคาเดมี รวม 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลววง - ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตอย่างใกล้ชิด โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้รับฟังสรุปการปฏิบัติงานจาก นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และยังได้เดินสอบถามเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ที่ได้ร่วมปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ โดยมี พลตรีฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3, พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ให้การต้อนรับและติดตามปฎิบัติภารกิจ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561
จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นจุดแรก ต่อจากนั้นเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ภัย และ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเดินทางไปตรวจสอบหน้าปากถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติและแผนการช่วยเหลือ โดยนายกรัฐมนตรีได้ซักถามในเรื่องการระบายน้ำออกจากถ้ำ การสำรวจโพรงถ้ำ ตลอดจนการขุดเจาะถ้ำ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และระมัดระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุ หากขาดสิ่งใดรัฐบาลพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้มาช่วยกันปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือ 13 ชีวิต และห่วงใยเรื่องสุขภาพเจ้าหน้าที่ทุกคน ซึ่งภารกิจสำคัญคือ เด็กและเจ้าหน้าที่ต้องปลอดภัย
ต่อมา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินออกจากถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน เพื่อออกมาพบปะกับพ่อแม่ผู้ปกครองและญาติของทั้ง 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำที่เต็นท์ โดยมีทีมแพทย์ สาธารณสุขให้การช่วยเหลือเยียวยาจิตใจจากการประสบภาวะวิกฤต คอยให้กำลังใจประชาชนอยู่ รวมทั้งมีพระสงฆ์อาสามาให้กำลังใจและผ่อนคลายจิตใจสงบจิตด้วยหลักพระพุทธศาสนาตลอดทั้งวัน
โดยนายกรัฐมนตรี ได้พบปะพูดคุยกับพ่อแม่ของเด็กหลายคน และให้กำลังใจว่าจะต้องช่วยเหลือเด็กออกมาให้จงได้ในเร็วเร็วนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะได้เดินเท้ามาที่ตั้งโรงครัวพระราชทาน ซึ่งเป็นรถยนต์เคลื่อนที่จำนวน 3 คัน สนับสนุนจาก มณฑลทหารบกที่ 37 เพื่อเยี่ยมเยือนเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 และประชาชนจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ที่ทำงานอุทิศตนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งเหตุการณ์นี้ ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งของประเทศ ทำให้เห็นน้ำใจของคนไทย และจากต่างประเทศ ที่เข้าให้การช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จึงขอให้ทุกคนมีความหวังอย่าท้อแท้ ขอให้เชื่อมั่นว่า เด็กทุกคนจะปลอดภัย เจ้าหน้าที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กทุกคนได้ รวมทั้งขอให้ทุกคนมีสมาธิ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจว่า ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วง ทรงติดตามข่าว และทรงแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ บุตรหลานของประชาชนทุกคนก็เหมือนกับบุตรหลานของตน ดังนั้นขอให้ผู้ปกครองเด็กทุกท่านเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งได้พุดคุยกับผู้ปกครองเด็ก โดยพูดถึงเรื่องการเกษตร ชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อให้ผู้ปกครอง เกิดความสบายใจไม่เครียด พร้อมเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องโรคน้ำกัดเท้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ได้เดินสำรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำ และเยี่ยมกับญาติของผู้ประสบภัยว่า ที่มาในวันนี้ก็มาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งก็พอใจกับการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งถือว่าดีมาก และก็ขอให้กำลังใจกับทุกคน เพราะผมก็ถือว่าเด็กๆ ทั้ง 13 คนเป็นลูกเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ประชาชนคนไทยทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จะมีการประสานงานกับทางการเมียนมาให้การช่วยเหลือ เกี่ยวกับช่วยลดระดับน้ำเพื่อไม่ให้ไหลเข้าถ้ำ ด้วย
สำหรับเหตุการณ์อย่างนี้ ถือเป็นประสบการณ์ของประเทศเลยก็ว่าได้ที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ ซึ่งการมาครั้งนี้ได้นำพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงเป็นห่วงกับเหตุการณ์นี้ ทุกคนมีความรักที่มีต่อลูกต่อครอบครัวอยู่แล้ว แต่ความรักยังไม่พอ ต้องมีแรงศรัทธา ศรัทธาในตัวเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ศรัทธา ในตัวลูกของเราว่าลูกของเราเข้มแข็ง สิ่งนี้จะทำให้เกิดความสำเร็จ เชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ประชาชนหลั่งไหลร่วมพิธีประชุมเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่ขันตี ญาณวโร ณ วัดป่าสันติธรรม อ.หนองหิน
ประชาชนหลั่งไหลร่วมพิธีประชุมเพลิงสรีระสังขาร หลวงปู่ขันตี ญาณวโร ณ วัดป่าสันติธรรม อ.หนองหิน วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 พุทธศาสนิกชนจำนวนมากจ...
-
เมื่อเวลา15.20น .ของวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.6 ได้รับการประสานจากส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยา...
-
สุโขทัย กันจอมพลังลุยช่วยผู้พิการถูกล่วงละเมิดทางเพศ กันจอมพลัง ได้เดินทางมายัง สภ.สวรรค์โลก (เมื่อวันที่ 21มี.ค.67) เพื่อติดตามข้อมูลกรณี ...
-
พิจิตร – บรรยากาศเลือกสมาชิกวุฒิสภา ( สว.)ระดับจังหวัดคึกคัก ผู้สมัครเดินทางมาสถานที่ลงทะเบียนตั้งแต่เช้า ช่วงเช้า เวลา 0๘.00 น.ของ วันที่ ...