รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมจุดบริการประชาชนห้วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561
พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 /ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 3 มอบหมายให้ พันเอกสามารถ มโนรถมงคล รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3/รองเสนาธิการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3/รองเสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จุดบริการประชาชน ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 พร้อมให้แนวทางในการปฏิบัติงาน และมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมพบปะกำลังพล, เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ - กู้ภัย , สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ , จิตอาสาภาคเอกชน แลเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของนักศึกษา จากวิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์ , ในการซ่อมแซมยานพาหนะ, เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนอะไหล่ ตามโครงการอาชีวะอาสา พร้อมมอบข้อเน้นย้ำการให้บริการประชาชนทั้งด้านการรักษาบริการทางการแพทย์เบื้องต้น, การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอื่นๆ ให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว แบบบูรณการร่วมกันทุกภาคส่วน โดยมี พันเอก วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 1 พันโท จักรพงษ์ เนตรวีระ ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 8 กองพลทหารม้าที่ 1, นายปกรณ์ ตั้งใจตรง นายอำเภอเขาค้อ , นางสมลักษณ์ เพ่งพิศ ประธานชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ , พันตำรวจโท พงษ์ศักดิ์ ไทยแหลมทอง รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเขาค้อ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ ณ จุดบริการประชาชนทั่วไทย ทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณจุดตรวจสี่แยกรื่นฤดี ตำบลสะเดาะพง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
จากนั้น เวลา 10.30 น. พันเอกสามารถ มโนรถมงคล รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3/รองเสนาธิการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3/รองเสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จุดบริการประชาชน ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 พร้อมให้แนวทางในการปฏิบัติงาน และมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมพบปะกำลังพล, เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ - กู้ภัย , สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอหล่มสัก , จิตอาสาภาคเอกชน แลเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของนักศึกษา จากวิทยาลัยสารพัดช่างเพชรบูรณ์ , ในการซ่อมแซมยานพาหนะ, เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนอะไหล่ ตามโครงการอาชีวะอาสา โดยมี พันเอก วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 1 , นายชนก มากพันธุ์ นายอำเภอหล่มสัก , นายอลงกรณ์ พรหมศิลป์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ ณ จุดบริการประชาชนทั่วไทย ทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สามแยกทางขึ้นภูทับเบิก ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561
ทั้งนี้ ผลการปฏิบัติงานตามมาตรการ 777 ยกกำลัง 2 ใน 41 เส้นทางในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง โดยการติดตามสภาพการจราจรผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ระบบ 4G ใน 2 เส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 คือ ทางหลวงหมายเลข 12 ตอน น้ำดุก – ห้วยซำมะคาว ที่ กม. 374+456 บริเวณสะพานพ่อขุนผาเมือง (ห้วยตอง) และทางหลวงหมายเลข 12 ตอน แยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง – น้ำดุก ที่ กม.355+989 บริเวณแยกพ่อขุนผาเมือง สถานการณ์การจราจรรถไม่ติดขัดและมีสภาพคล่องตัวดี
กระทรวงคมนาคม ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 3 ได้บูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ตามนโยบาย One Transport One Family ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก ตำรวจภูธรอุตรดิตถ์ มณฑลทหารบกที่ 35 และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยได้ดำเนินการรณรงค์มาตรการ ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด ปรับปรุงแก้ไขจุดเสี่ยงต่าง ๆ ของทางหลวง ติดตั้งอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกปลอดภัย ไฟฟ้าแสงสว่าง ป้ายสัญญาณเตือน เตรียมความพร้อมถนน 77 เส้นทาง ให้พร้อมตามมาตรการยกกำลังสาม และปิดแยกและจุดกลับรถช่วงเทศกาลบนทางหลวงหมายเลข 11 ในการนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้ขอบคุณกองทัพภาคที่ 3 และให้กำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วย
ในส่วนของกองทัพบก ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้หน่วยทหารของกองทัพบก ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จัดตั้งจุดบริการประชาชน 553 จุด ในพื้นที่สำคัญของแต่ละจังหวัด ได้แก่ บริเวณเส้นทางคมนาคมสายหลัก พื้นที่หน้าค่ายทหาร พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ สถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางก่อนถึงด่านชายแดน เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และการสกัดกั้นการทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเสพติด อีกทั้งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมกับตำรวจ จังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรคับคั่ง พร้อมให้ข้อมูลเส้นทาง โดยต้องมีการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชน ได้รับทราบถึงจุดเสี่ยง และจุดวิกฤต ในการเดินทางทั้งขาไปและกลับ นอกจากนี้ให้ผู้บังคับบัญชาลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดบริการในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และเน้นย้ำให้เตรียมพร้อมกำลังพล เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
กองทัพภาคที่ 3 จึงร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการจัดตั้งจุดบริการประชาชน และอำนวยความสะดวก ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2561 ถึง 17 เมษายน 2561 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบก โดยได้กำหนดจุดบริการไว้ที่ถนนสายหลัก, ถนนสายรอง และในบริเวณถนนชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 144 จุด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนได้มีความปลอดภัย และช่วยลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ลดจำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บให้เหลือน้อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบกระทำความผิดกฎหมายอีกด้วย
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยในเรื่องของการขับขี่ยานพาหนะ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวสัญจรในปริมาณมาก ประกอบกับเส้นทางในบางพื้นที่ของภาคเหนือมีความสูงชัน เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่จึงต้องมีความระมัดระวัง ควรศึกษาเส้นทาง และตรวจสภาพความพร้อมของยานพาหนะ ก่อนการเดินทางไปตามสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อีกทั้ง ให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ อาทิ การร่วมบูรณาการกับกรมการขนส่งทางบก ที่ได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ และจัดหน่วยเคลื่อนที่ออกตรวจจับความเร็วรถด้วยกล้องเลเซอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ในหลายด้านอาทิ เป็นพื้นที่พักรถ-พักคน สอบถามเส้นทาง การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตรวจเช็คสภาพรถ บริการน้ำดื่ม-กาแฟ รวมถึงเป็นจุดรับแจ้งเหตุด่วน และที่สำคัญอยากให้ประชาชนร่วมกันตระหนัก ตลอดจนให้ความสำคัญในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดปัญหาการสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น