วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2566


"กลโกง มิจฉาชีพ""สืบนครบาล และ สืบ111"

จับกุมตัว นายอนุศักดิ์หรือบิว เจ้าของบัญชีธนาคารจำนวนมากที่ถูกใช้สำหรับการรับโอนเงินจากผู้เสียหายโดยการหลอกโอนเงินหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้ลงทุน ชักชวนหารายได้เสริม เพจลงทุนปลอม รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนสร้างความเสียหายกว่าสิบล้านบาท ทั้งนี้นายบิวอ้างว่า เปิดบัญชีให้เพื่อนเพื่อใช้เล่นพนันออนไลน์รับโบนัสเพิ่ม ไม่ได้ค่าตอบแทนแต่อย่างใด” ตามนโยบายของ "พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์" ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยผู้เสียหายได้ร้องเรียนมายังเพจสืบนครบาล IDMB ให้ช่วยจับกุมนาย อนุศักดิ์ มาเพชร ซึ่งเป็นตัวการในการฉ้อโกง

  จากการตรวจสอบประวัติในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ปัจจุบัน นายอนุศักดิ์ มาเพชร มีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 7 หมายจับ ได้แก่ 

1) หมายจับที่ 336/2566 ของศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 14 มิ.ย. 2566 

ข้อหา ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกประชาชน,พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

2) หมายจับที่ 271/2566 ของศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 8 พ.ค. 2566

ข้อหา ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

3) หมายจับที่ 375/2566 ของศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 5 เม.ย. 2566

ข้อหา ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกง

4) หมายจับที่ 124/2566 ของศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 20 มี.ค. 2566

ข้อหา ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

5) หมายจับที่ 304/2565 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ลงวันที่ 1 พ.ย. 2565

ข้อหา ตัวการในข้อหาฉ้อโกง,ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

6) หมายจับที่ 430/2565 ของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงวันที่ 7 ต.ค. 2565

ข้อหา ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

7) หมายจับที่ 176/2565 ของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ข้อหา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ”

 "พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์" ผบก.สส.บช.น. จึงกำชับนักเรียนสืบสวนหลักสูตรการคดีอาญา รุ่นที่ 111 ชุดปฏิบัติการที่ 9 ที่เพิ่งเข้ามาฝึกงานภาคปฏิบัติ พร้อมด้วยครูพี่เลี้ยง กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง  ต่อมาวันที่ 18 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 15.00 น.  "พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง" ผบช.น., "พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์" รอง ผบช.น. , "พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์" ผบก.สส.บช.น. "พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง" รอง ผบก.สส.บช.น.,  " พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล" ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง , พ.ต.ท. พิทักษ์ ศรีกระแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 2 และ 3 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 111 ชุดปฏิบัติการที่ 9

ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอนุศักดิ์ มาเพชร อายุ 35 ปี (ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เลขที่ 25/244 ซอยพหลโยธิน 48 แยก 17/1 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 375/2566 ลงวันที่ 5 เมษายน 2566 

ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”  โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าที่ห้องพักเลขที่ 25/249 อาคารห้องชุดบ้านสวนบางเขน แขวง อนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานครในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พฤติการ์ณคดีการกระทำความผิด ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมในคดี 7 หมายในครั้งนี้ นายอดิศักดิ์หรือนายบิว ได้เคยถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2565 จำนวน 3 หมายจับ ที่ สภ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีมูลค่าความเสียหาย 90,000 บาท, สภ.ลำพูน มูลค่าความเสียหาย 80,000 บาท และ สน.คันนายาว มูลค่าความเสียหาย 1,400,000 บาท ซึ่งนายบิวได้ขอประกันตัวในชั้นศาลในเวลาต่อมา จนต่อมา นายอดิศักดิ์ ได้ถูกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีอาญาอีก 7 หมาย โดยมีพฤติการณ์ในคดีที่คล้ายคลึงกับที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2565 ซึ่งบัญชีธนาคารของนายอดิศักดิ์ นั้นได้ถูกใช้เป็นบัญชีรับโอนเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพไม่ว่าจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ เพจลงทุนปลอม ชักชวนให้หารายได้เสริม ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท

เมื่อถูกจับกุม นายอนุศักดิ์ มาเพชร  ผู้ต้องหา ให้การว่าในช่วงต้นปี 65 ได้ทำการเปิดบัญชีในหลายธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกร, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี และธนาคารออมสิน โดยจะเปิดบัญชีในแต่ละธนาคารละ 4 ถึง 5 บัญชี ผ่านระบบลงทะเบียนออนไลน์ เมื่อเปิดแล้วจึงส่งมอบบัญชีให้ นายสมศักดิ์ สาโรจน์ ทั้งหมด โดยไม่ทราบว่านายสมศักดิ์ฯ มีความประสงค์ที่จะเอาไปจำหน่ายหรือนำไปกระทำผิดกฎหมาย จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องนำส่ง พงส. สน.บางชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน "พล.ต.ต.ธีรเดช" กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกง หรือสินค้าที่มีราคาถูกเกินกว่าราคาและคุณภาพที่ควรจะเป็น เนื่องจากมิจฉาชีพมักใช้ความโลภเห็นแก่ผลกำไรมาเป็นจุดล่อใจให้ประชาชนหลงกล  ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ "พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์" ผบ.ตร.


ทีมข่าว อาชญากรรม    ต้อม สิงห์๑ รายงาน ข่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

“ประชาธิปัตย์”ยุค“เฉลิมชัย”เร่งวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าอัพเกรดศักยภาพประเทศใหม่ “อลงกรณ์”หวัง“ครม.ใหม่”เร่งแก้ปัญหา”โลกร...