ป.ป.ช.ภาค๖ เชิญผู้สื่อข่าว ร่วมลงพื้นที่สังเกตการณ์และเพื่อทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งเพื่อนำเสนอข่าวสารในกรณีเกี่ยวการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเขตพื้นที่อำเภอสากเหล็ก จ.พิจิตร  

เมื่อวันที่28กุมภาพันธ์2566เวลา13.30น. และวันที่ 1มีนาคม2566สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค6จัดโครงการต้านและลดทุจริตด้วยกลไกลสหยุทธ์เฉพาะกรณีพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต(STRONG:Together against Corruption-TaC).โดยเข้าพบหารือร่วมกับ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายพีรพล จันทพรรณ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิจิตร นายวิชัย แตโช ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้พิจิตร นายแสงชัย ธนพาณิชย์วัฒนา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพิจิตร นางสาวเสริมศรี บุญคง ผอ.กลุ่มประสานการป้องกันการทุจริตภาค6 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค6 กลุ่มสตรองและสื่อมวลชน  นายก อบต.คลองทราย ผู้นำท้องถิ่นและแกรนนำชาวบ้านคลองทราย นายเสน่ห์ กองเเก้ว และ นายสมใจ จินาพงษ์  ร่วมพูดคุยหาทางออกร่วมกันในกรณีเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเขตพื้นที่อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร  การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่ของรัฐ เขตอำเภอสากเหล็ก

จังหวัดพิจิตร และลงพื้นที่จริงสังเกตการณ์เพื่อทราบข้อเท็จจริงรวมถึงนำเสนอ ข่าวสารให้แพร่ หลายอันจะนำมาสู่การลดคดีทุจริตประพฤติมิชอบในกรณีออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ต.คลองทราย อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร   นายเสน่ห์ กองแก้ว ชาวบ้านหมู่3 และนายสมใจ จิตนายพงษ์ศิริ อายุ69ปีชาวบ้านคลองราย อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร พูดให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตำบลคลองทราย เป็นพื้นที่ทับซ้อน ป่าสากเหล็ก ดงทับไทร ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย คือป่าสากเหล็กดงทับไทร ประกาศเป็นผืนป่าเมื่อเดือนมกราคม พศ2509และป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย ประกาศเมื่อเดือนธันวาคม2509เหมือนกันหลังจากที่ประกาศป่าสงวนวังทับไทรไปแล้ว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ภาค4นครสวรรค์เข้ามาในพื้นที่ ทำการรางวัดขอบเขตว่าพื้นที่ป่าสงวนมีอยู่แค่ใหน พอเข้ามารางวัดเสร็จแล้วได้ทราบว่ามีประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยจำนวนมากเกรงว่าจะเกิดปัญหาเลยทำหนังสือคำร้องขอยกเลิกเขตป่าสากเหล็กดงทับไทรโดยใช้เขียนคำร้องให้ไประงับการสงวนเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แล้วก็เสนอขึ้นไปทางรัฐบาลสมัยนั้น ก็เป็นสภาบริหารคณะประฏิวัตบริหารประเทศอยู่ในขณะนั้นก็ได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรตามที่ขอให้ยกเลิก ก็มีการเวนคืน อนุมัติเมี่อวันที่8มิถุนายน2515ให้ยกเลิกป่าสงวนตรงนี้ไป เสร็จแล้วก็มาดำเนินการป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายซึ่งประกาศเมื่อเดือนธันวาคมปีพศ.2509แล้วประกาศเฉพราะในเขตจังหวัดพิษณุโลกแต่ว่ามีการร่างแผนที่เลยเข้ามาในเขต.จ.พิจิตรจึงทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนมาถึงประจุบัน เมื่อปี2547ก็มีนิคมการเกษตรวังทองมาอ้างสิทธิเหนือตำบลคลองทรายว่าอยู่ในเขตนิคมการเกษตรวังทอง ชาวบ้านก็เลยรวมตัวกันมาร้องเรียนที่จังหวัดให้ตรวจสอบตำบลคลองทราย อยู่ในเขตของพื้นที่นิคมการเกษตรวังทองใหม  จากการตรวจสอบของป่าไม้จังหวัดพิจิตรแล้วปรากฏว่าไม่มีเขตนิคมการเกษตรวังทองเข้ามาครอบครองตรงนี้ประชาชนก็เลยได้ขอว่าถ้าไม่มีเวียนเขตของนิคมการเกษตรวังทองจึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกเอกสารสิทธิเป็นโฉนดให้หน่อยจะได้ใหม ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดพิจิตรกับเรื่องที่ดิน มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้

บอกว่าออกเอกสารสิทธิได้ เพราะยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี2515ออกโฉนดได้ และหน่วยงานที่มาการประชุมในวันนั้น ก็ไม่มีหน่วยงานใหนคัดค้านและขัดข้อง เลยก็มีการออกโฉนดไปได้เป็นจำนวนมากคงเหรือค้าง387แปลง ก็มีนิคมการเกษตรวังทอง อยู่ด้วยที่มาร้องคัดค้านที่มีพื้นที่อยู่ในเขตป่าลุ่มนน้ำวังทองฝั่งซ้าย คนแจกโฉนดต้องหยุดแจกเพื่อระงับเพื่อตรวจสอบใช้เวลาการตรวจสอบใช้เวลาร่วม10ปีมาถึงปี2558เรื่องก็ไม่มีความคืบหน้าก็เลยมีการไปขอให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินมารางวัดออกโฉนดให้อีก พอรางวัดออกโฉนดปี2558แจกโฉนดได้ประมาณ25ถึง30โฉนด แล้วก็จังหวะที่ผังเมืองได้ทำผังเมืองออกมาแล้วก็ได้มาติดประกาศว่า ตำบลคลองทราย อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ โฉนดก็เลยถูกระงับไปอีกจนมาถึงปัจจุบันนี้ นายสมใจ จินาพงษ์ กล่าวต่อว่าที่จริงแล้วป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายประกาศในเขตจังหวัดพิษณุโลกแต่ว่ามีแผนที่ลากเลยเข้ามาในเขตจังหวัดพิจิตร จึงทำให้เกิดปัญหาหนึ่งที่ว่าติดการออกโฉนดไม่ได้ก็คือ พระราชกฤษฏีกา2486ได้ประกาศใว้ว่าให้พื้นที่แถวนี้เป็นพื้นที่ ของรัฐ ชาวบ้านคลองทรายจึงรวบรวมเอกสารนำเรื่องนี้มาร้องเรียนปึกษาหน่วยงานยุติธรรมจังหวัด นำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือหน่วยงานต่างที่เกี่ยวข้อง เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค ๖ ได้เข้าพบและหารือร่วมกับ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ในกรณีเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเขตพื้นที่อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าอยู่ในเขตป่าไม้ และประชาชนบางส่วนไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินได้  อันเนื่องมาจากติดขัดในประเด็นผังเมืองจังหวัดพิจิตร ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และจากการหารือได้ข้อยุติว่าจะมีการจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาแนวทางต้าน และลดคดีทุจริตประพฤติมิชอบในกรณีดังกล่าว อันจะนำมาสู่ข้อตกลงที่หน่วยงานจะต้องรับไปดำเนินการต่่อไป

อู๊ด วิศว ภาพข่าว รายงาน