แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นชายแดนเหนือ ! สั่งการเพิ่มความเข้มลาดตระเวนช่องทางธรรมชาติ เดินเท้าทางบก ลงเรือทางน้ำ สกัดต่างด้าว ผู้ลักลอบกลับเข้าไทย หลังเมียนมา ยอดติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 พุ่งขึ้นต่อเนื่อง
พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ ผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการกองทัพภาคที่ 3 เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ สั่งกำชับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด - 19 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผู้พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ให้คุมพื้นที่ตามแนวชายแดน เช่น จังหวัดตาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย อย่างเข้มงวด พื้นที่ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรที่ยังคงเปิดให้ขนส่งสินค้ากันได้อยู่ คือ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก - อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
“ หลังจากนี้ ภายในประเทศเพื่อนบ้าน ไวรัสโควิด – 19 อาจจะมีการระบาดมากขึ้น ประชาชนคงกลัวติดเชื้อโรคต่างๆ จึงพบมีการลักลอบเข้ามา อยากฝากไว้ในฐานะที่เป็นคนไทย ทุกท่านสามารถเดินทางกลับเข้ามาในช่องทางจุดผ่านแดนถาวรได้อย่างถูกต้อง เพียงแต่ว่าเราห่วงเรื่องการติดเชื้อของท่าน เมื่อเข้ามาแล้วเราก็ขอให้เข้า Local Quarantine ที่รัฐจัดเตรียมไว้ในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นที่อำเภอแม่สอด หรืออำเภอแม่สาย เพื่อกักตัวดูอาการ”
แม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำว่า การที่กลัวความผิดแล้วลักลอบเข้าเมืองในช่องทางที่ไม่ถูกต้อง อันนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะเราไม่สามารถควบคุมโรคได้ เราไม่แน่ใจว่าท่านกลับเข้ามามีเชื้อมาด้วยหรือไม่ ถ้าบังเอิญเกิดมีเชื้อเข้าจากเชียงรายก็มาแพร่ระบาดในเชียงใหม่ ทำให้สังคมของเราเกิดความวิตก อยากจะฝากสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยว่าคนพวกนี้สามารถกลับเข้ามาได้อย่างถูกต้อง ในช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ “มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขของเราดูแลคนไทยไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อกลับเข้ามาในผืนแผ่นดินไทยแล้วเราดูแลอย่างดี อย่างกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดทางการได้ติดตามกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อได้เกือบทั้งหมด ก็พบมีติดเชื้อบ้าง ไม่ติดบ้าง”
และ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยทหารราบที่ 431 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อำเภอแม่สอด ได้จับกุมชาวเมียนมา จำนวน 3 คน บริเวณในป่าริมแม่น้ำเมย หมู่ที่ 7 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หลังจากที่ชายทั้ง 3 คน เข้ามา เพื่อจะไปหางานทำในประเทศไทย โดยยอมรับว่าได้ลอบข้ามแม่น้ำเมยมาในตอนกลางคืน เพื่อลักลอบเข้าไปในเมือง และหางานทำ เพราะได้รับความเดือดร้อนตกงานในฝั่งเมียนมา หลังจากจับกุมแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวให้กับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
ส่วน ชุดเคลื่อนที่เร็วกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนแม่สอดที่ 3 พร้อมสายตรวจผู้ใหญ่บ้านริมเมยหมู่ที่ 2 และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นำกำลังเข้าประจำการเสริมในจุดล่อแหลม - จุดที่ไม่มีรั้วลวดหนามกั้นตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า พร้อมถางหญ้ารกทึบที่บดบังสายตาตามริมตลิ่งแนวแม่น้ำเมย
หลังแม่น้ำเมย เส้นพรมแดนไทย - เมียนมากำลังแห้งขอดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่ตกงานช่วงการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พยายามลักลอบข้ามชายแดนอย่างผิดกฎหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองแม่สอด เดินเท้าลาดตระเวนในจุดที่ไม่มีรั้วลวดหนามกั้นและเป็นพื้นที่ป่ารกทึบบดบังสายตา ก็พบชายต่างด้าวหลายคนกำลังแอบลักลอบเดินข้ามแม่น้ำเมยมาจากฝั่งจังหวัดเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และพยายามจะแอบขึ้นฝั่งไทยที่บ้านริมเมย อำเภอแม่สอด เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้คนต่างด้าวที่กำลังจะลักลอบข้ามแนวชายแดนให้กลับฝั่งประเทศของตนเอง และทันทีที่กลุ่มคนต่างด้าวล่าถอยกลับขึ้นถึงฝั่งเมียนมา เจ้าหน้าที่ทหารเมียนมาที่ประจำการอยู่บริเวณชายแดนก็ควบคุมตัวกลุ่มชายดังกล่าวไปลงโทษโดยการใช้ไม้เฆี่ยนตีคนละหลายครั้งก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนต่อ
ด้าน กองร้อยทหารพรานที่ 3504 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 จัดกำลังพลร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอท่าสองยาง สถานีตำรวจภูธรท่าสองยาง ผู้นำท้องถิ่น และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บ้านหนองบัว บ้านแม่พลู ทำการลาดตระเวนตามท่าข้ามธรรมชาติ เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปราบแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด ในพื้นที่ บ้านแม่พลู ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
กองบังคับการควบคุมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 บูรณาการร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรพบพระ ฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้น (ในเวลากลางคืน) บริเวณพื้นที่ บ้านเงาไผ่ ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สิ่งของผิดกฎหมาย และกลุ่มขบวนการขนแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ยังคงมีการระบาดหนักอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงจึงต้องเพิ่มการเฝ้าระวังป้องกันบุคคลที่อาจเป็นพาหะนำโรคโควิด-19 หลบหนีเข้ามาในพื้นที่ชายแดนไทย
ทั้งนี้ กองกำลังนเรศวร กองกำลังผาเมือง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ยังคงความต่อเนื่องในการคุมเข้มการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างใกล้ชิด ในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือจากประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ยังไม่สามารถจำกัดการควบคุม ให้กำลังพลเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มข้นงานข่าวเครือข่ายขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเพิ่มความถี่การลาดตระเวนสกัดกั้นตามช่องทางธรรมชาติมากขึ้น ทั้งทางบกและทางน้ำ
สำหรับ พื้นที่ชั้นใน ให้ประสานการทำงานร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แรงงานจังหวัด และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ คุมเข้มการผ่านแดนและมาตรการทางสาธารณสุขควบคู่กับการทำลายเครือข่ายขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรนา 2019 ที่มาจากบุคคลลักลอบผ่านแดน รวมถึงเพิ่มอุปกรณ์ในการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ทั้งการเพิ่มไฟส่องสว่างตามจุดต่างๆ การติดกล้องวงจรปิด CCTV ตลอดแนวชายแดน พร้อมทั้งใช้โดรนในการบินตรวจตรา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งอีกส่วนหนึ่งต้องขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องบุคคลภายในหมู่บ้านของตนเอง หากพบเห็นคนแปลกหน้าหรือกลุ่มคนที่ผ่านหรือเข้ามาในหมู่บ้านให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร
0831671688 รายงาน https://www.facebook.com/KaoTuaThai
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น