ปราจีนบุรี นาทีระทึกผู้ใหญ่บ้าน-กำนันหญิงเกลี้ยกล่อม ลูกบ้านคุ้มคลั่งถือปืน 2 กระบอก!!

เมื่อเวลา 09.00 น วันนี้ 31 สค.63 นางสุพรรณ สอนสำแดง ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต. เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่าที่บ้านเลขที่101/
1 ม.4 บ้านเลียบ ต.เมืองเก่า
 อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มี
ลูกบ้านคุ้มคลั่งเดินถือปืเดิน
ไปมาอยู่ในบ้านของตัวเอง เกรงจะเกิดอันตราย หลัง
จากรับแจ้งรุดตรวจสอบพร้อมกับรายงานให้นางมัลลิกา หงษ์มัง กำนัน ต.เมืองเก่า ทราบพร้อมกับ
รายงานให้นายอำเภอทราบ
พร้อมกับแจ้งตำรวจให้มา
ตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุมีพี่สาวของน้องชายหนุ่มที่มีอาการคุ้มคลั่ง (ป่วยทางจิต)
กำลังแอบดูอยู่ข้างพุ่มไม้
ด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าจะใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าหรือทำร้ายตัวเอง ภายในบ้าน
ไม้ยกพื้นสูง 2 ชั้น ภายใน
บ้านมีชายหนุ่มคนเดียวอยู่
ในบ้านพ่อแม่อยู่บ้านอีกหลัง
หนึ่ง เวลาต่อมาตำรวจ สภ.
กบินทร์บุรี  ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ปรัชญา กระแสร์ลาภ รอง ผกก.สืบสวนพร้อมสายตรวจรถยนต์และชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน ผลัดกันพูดจา
เกลี้ยกล่อมชายที่อยู่ในบ้าน
ทราบชื่อต่อมานายสมพงษ์
ขอสงวนนามสกุล (หรือไก่) อายุ 43 ปี การเจรจาไม่เป็น
ผลเนื่องจากนายไก่ไม่ยอม
พูดโต้ตอบออกมาแต่อย่าง
ใด เจ้าหน้าที่ได้แต่คุมเชิงและเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เวลาผ่าน
ไป 3 ชม.(เที่ยงครึ่ง )มีการ
พูดโต้ตอบกันระหว่างตำรวจ
กับนายไก่ เจรจากันได้ครู่หนึ่งนายไก่หิวน้ำแป๊บซี่ ทาง
ตำรวจจึงให้แป๊บซี่แก่นายไก่ โดยนายไก่บอกให้โยน
เข้ามาในตัวบ้าน และบอก
จะไม่ทำร้ายใคร

การเจรจาผ่านไปอีกราวครึ่ง
ชั่วโมง โดยนายไก่บอกกลัวถูกตำรวจจับ ตำรวจบอกว่า
จะไม่มีการจับกุมแต่จะส่งตัว
ไปรักษาตัวที่ รพ.จิตเวช จะ
ได้หาย แต่นายไก่ยังไม่เชื่อใจตำรวจ และให้แม่มาเกลี้ยกล่อมก็ไม่เป็นผล

ต่อมาผู้ใหญ่บ้านและกำนัน เข้ามาพูดจาเกลี้ยกล่อม แต่ก็ยังไม่เชื่อใจตำรวจขอเก็บ
ปืนก่อน ขณะเดียวกันนาย
อำเภอกบินทร์บุรี ส่งปลัด
อำเภอลงพื้นที่ร่วมด้วย

นางสุวรรณ สอนสำแดง
ผู้ใหญ่บ้าน และนางมัลลิกา
หงษ์มัง กำนัน ช่วยกันเจรจา
ให้นายไก่ยอมออกมาจะได้
พาไปรักษาตัวจะให้เงินไว้ใช้ด้วย อึดใจต่อมานายไก่
เปิดประตูห้องออกมาตำรวจ
บอกให้ยกมือขึ้น ตำรวจจะ
ไม่ทำร้ายหรือจับกุมแต่อย่างใด ตำรวจจึงนำตัวนายไก่ส่งให้ญาตินำตัวไปรักษาตัวที่ รพ.กบินทร์บุรี นายไก่ได้ยินยอมมอบตัวเมื่อเวลา 13.45 น.โดนอ้างว่าขอเงิน
แม่ไม้ได้เลยฌกรธ

กำลังตำรวจได้เข้าตรวจสอบภายในห้องของในไก่พบว่า ภายในห้องมีอาวุธปืนพกสั้นขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนอยู่ในรังเพลิง 6 นัด ปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 1
กระบอก ไม่มีลูกกระสุน ถูก
ึล้องก้วยโซ่ใส่กุญแจไว้อย่างดีที่ใต้โต๊ะตั้งทีวี นอก
จากนี้ตรวจสอบพบปืนแก๊ป
1 กระบอกแขวนไว้ที่ใต้พื้นกระดานชั้นสอง จึงเก็บไว้เป็นหลัก
ฐาน และจะได้สอบสวนพ่อ
แม่ของนายไก่เพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง

นางภัทราภร สอนสวัสดิ์ พี่
สาวนายไก่กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ยินเสียงน้องชายโวนวายจึงมาดูเห็นเดิน
ถือปืนเดินไปมาในบ้านจึงรีบ
โทร.แจ้งผู้ใหญ่บ้านทราบ น้องชายป่วนทางจิตจริงเป็น
มา 2-3 ปีแล้ว

นางสุพรรณ วินสำแดง ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ตนพอรู้นิสัยนายไก่ดีว่าเป็นคนพูด
เข้าใจง่าย ที่ผ่านมาตนพูดอะไรนายไก่มักจะเชื่อฟัง
เสมอ รู้สึกตื่นเต้นตอนเข้ามาพูดเกลี้ยกล่อม กลัวก็กลัวแต่เชื่อว่านายไก่เป็นคนมี
เหตุผล ตนกับกำนันเคยให้
เงินนายไก่ใช้ประจำจึงพูด
เข้าใจกันดี...

ภาพ/ข่าว:ทองสุข สิงห์พิมพ์

โครงการรณรงค์ตามมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อใน จังหวัดพิจิตร ”

มทบ.36 ร่วมกับ อบจ.พิจิตร ดำเนินโครงการรณรงค์ตามมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อใน จว.พ.จ. เมื่อ 31 ส.ค. 63 มทบ.36 จัดกำลังพลจิตอาสาร่วมโครงการรณรงค์ตามมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อในพื้นที่ จว.พ.จ. ร่วมกับ อบจ. พ.จ. , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ตามมาตรการควบคุม ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) โดยได้ร่วมกันล้างทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ณ  วัดพร้าว,วัดขวาง, วัดท่าพังพวย  ,  วัดสุวรรณรังษี,  ต.วัดขวาง อ.โพทะเล จว.พ.จ. การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

                  ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร 083167168     รายงาน                                                                                                     

 

กองกำลังผาเมือง สกัดกั้นกลุ่มขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษี พร้อมตรวจยึดบุหรี่ 8,400 ซอง ในพื้นที่ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง จัดกำลังพล ปฏิบัติภารกิจซุ่มโจมตี บริเวณ ท้าย โรงเรียนจีน บ.อรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.ช.ม. จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เวลา04.30 น. ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ประมาณ 8 – 10 คน เดินแบกกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลังเข้ามาตามภูมิประเทศ เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุด เพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ยอมหยุด และทิ้งกระสอบเป้วิ่งหลบหนีไป โดยอาศัยความมืดและความชำนาญในพื้นที่ ผลการปฏิบัติ สามารถติดตามจับกุมไว้ได้ 2 ราย เป็นคนสัญชาติเมียนมา และได้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบกระสอบเป้ จำนวน 8 ใบ ภายในบรรจุบุหรี่หนีภาษี จำนวน 8,400 ซอง (ยี่ห้อ KABAUNG แบบไม่มีก้นกรอง จำนวน 1,100 ซอง, ยี่ห้อ ATLANTA แบบมีก้นกรอง จำนวน 5,060 ซอง, ยี่ห้อ qlabal แบบมีก้นกรอง จำนวน 2,240 ซอง) จากการสอบถามบุคคลดังกล่าวให้การว่า จะนำบุหรี่หนีภาษีจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไปส่งให้กับบุคคลไม่ทราบชื่อที่บ้านสามหลัง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.ช.ม. หน่วยจึงได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้กับ จนท.สพรรสามิต ดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3  นกพิราบศูนย์ข่าว พิจิตร 083167168  รายงาน                                                                                                     

 

เตรียมงานรำลึก 30 ปี สืบ นาคะเสถียร – การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้  กล่าวว่า  ได้เตรียมจัดงานรำลึก 30 ปี สืบ นาคะเสถียร – การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง   บนหนทางเดินและวันเวลาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มูลนิธิสืบฯ จะยังคงสืบทอดเจตนาเดิมของคุณสืบ นาคะเสถียร และร่วมส่งต่อประกายไฟแห่งการอนุรักษ์ให้ลุกโชนสืบไปไม่มีวันสิ้นสุด เนื่องในวันครบรอบ 30 ปี การจากไปของสืบ นาคะเสถียร ในปีนี้เรายังคงไว้ซึ่งการจัดกิจกรรมระลึกถึงนักอนุรักษ์ผู้วายชนม์ดั่งเช่นปีที่ผ่าน ๆ มาเพียงแต่สถานการณ์การระบาดของโควิด – 19 ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 6 กันยายน 2563 ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์

โดยจะทำการถ่ายทอดสด กิจกรรมรำลึก 30 ปี สืบนาคะเสถียรและจุดเทียนรำลึกออนไลน์   สำหรับกิจกรรมงานรำลึกสืบ นาคะเสถียร ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ในปีนี้เราไม่มีกิจกรรมให้บุคคลภายนอกเข้าร่วม เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19

ดังนั้น   เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เราจึงปรับกิจกรรมเป็นรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เพจ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร  
ทั้งนี้   งานทำบุญและวางหรีด ทางเขตฯ ห้วยขาแข้งมีมาตรการจำกัดจำนวนคนเข้าร่วม จะขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า “งานรำลึก 30 ปีสืบฯ ห้วยขาแข้งจัดเป็นการภายใน ไม่มีอนญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วม”  

จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมรำลึกสืบฯ ผ่านกิจกรรมออนไลน์ ส่วนกิจกรรมจุดเทียนรำลึก สืบ นาคะเสถียร ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในค่ำคืนวันที่ 31 สิงหาคม ก็จะถูกปรับมาทำกันในรูปแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรมซูม มิตติ้ง (Zoom meeting) เพื่อร่วมจุดเทียนรำลึกถึงคุณสืบพร้อมกันทั่วโลก

นอกจากนี้  ยังจัดให้มีกิจกรรม LIGHT IT UP ฉายเลเซอร์ข้อความรณรงค์สิ่งแวดล้อม  เวลา 19.00 – 21.00 น. ข้อความรณรงค์สิ่งแวดล้อมจะถูกฉายพร้อมกัน 5 จุดทั่วกรุงเทพฯ

 

รองประพิศ ลงพื้นที่จับมือประชาชนร่วมเดินหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยาแก้ขาดแคลนน้ำ 3,450 คน ต้องมีน้ำใช้

วันนี้  (30 สิงหาคม 2563) นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ ตำบลลำพะยา จังหวัดยะลา เพื่อร่วมหารือกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะด้วยตนเอง และกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกรมชลประทานทำความเข้าใจในขั้นตอนการดำเนินการกับพี่น้องประชาชน และให้รับข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่เพื่อนำมาพิจารณาปรับแก้ไข ทั้งนี้เพื่อให้โครงการที่ออกมาตอบโจทย์ความต้องการของประชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำกว่า 3,450 คน ให้มากที่สุด อีกทั้งสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในพื้นที่โครงการได้มากกว่า 8,100 ไร่     

รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า "กรมชลประทานได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจให้แก่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบกับโครงการฯมาโดยตลอด ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้อีกครั้งทำให้รับทราบถึงปัญหาและข้อเสนอแนะ และยังเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันกับพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน  ซึ่งเมื่อหน่วยราชการและประชาชนในพื้นที่เห็นตรงกัน จะส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ต่อเนื่อง เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญแก่ชุมชนในอนาคต เพราะกรมชลประทานทำเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ซึ่งนอกจากน้ำแล้วยังเป็นแหล่งอาหารคือปลา และหากประชาชนจะต่อยอดอาชีพก็สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ในอนาคต"

สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะเป็นแหล่งเก็บกักน้ำที่สามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกของราษฎรที่ใช้น้ำจากโครงการฝายทดน้ำลำพะยา ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ประมาณ 8,100 ไร่ พร้อมทั้งช่วยเหลือในด้านการอุปโภค บริโภคในฤดูแล้งของราษฎรและสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในเขตโครงการและบริเวณใกล้เคียงซึ่งประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ประมาณ 690 ครัวเรือนหรือ 3,450 คน ทั้งยังสามารถบรรเทาอุทกภัยต่อพื้นที่เพาะปลูกซึ่งอยู่ตอนล่างของพื้นที่โครงการในช่วงฤดูน้ำหลากได้ อย่างไรก็ตามหากโครงการแล้วเสร็จจะยังเป็นแหล่งพันธุ์ปลาน้ำจืดที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน เพิ่มคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืนต่อไป