จากกรณีการรายงานข่าว เกิดไฟไหม้ป่าภายในบึงสีไฟ บึงน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จังหวัดพิจิตร ทั้งยังลุกลามขยายวงกว้าง หลังปริมาณน้ำในบึงลดระดับลงจนแห้งขอด ประกอบกับต้นสนุ่น และวัชพืชต่างๆ แห้งยืนต้นตายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบของบึงสีไฟบุกรุกและจุดไฟเผาป่าและวัชพืช เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการล่าจับสัตว์ ทำให้เปลวเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายแล้วมากกว่า 500 ไร่ และยังเกิดหมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 ปลิวฟุ้งกระจาย กระทบต่อผู้ป่วยใน โรงพยาบาลพิจิตร ที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำฉีดสกัด แต่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้นั้น
โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 22.00 น. ได้เกิดเหตุไฟไหม้ภายในบึงสีไฟ บริเวณอุทยานบัว หมู่ที่ 5 ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรในเวลานั้นเพลิงยังไม่สงบและยังคงลุกลามไปตามญาติที่แห้งเบื้องต้นจังหวัดพิจิตร และประสานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหลวง นำรถดับเพลิงมาเพื่อระงับเหตุ และได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง, เทศบาลเมืองพิจิตร, องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า, องค์การบริหารส่วนตำบลคลองคะเชนทร์ เร่งนำกำลังเจ้าหน้าที่และรถบรรทุกน้ำมาระงับเหตุ โดยสามารถควบคุมเพลิงไหม้เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นใกล้เคียงเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 11.00 น.
ต่อมา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 08.00 น. นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มอบหมายให้ นายอนุชา อินทรเทศ ปลัดอำเภอ เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ร่วมกับนายวิมาน สุขขวัญ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองพิจิตร เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร อำเภอเมืองพิจิตร ลงพื้นที่ตรวจสอบการระงับเหตุเพลิงไหม้ และเฝ้าระวังเพลิงไหม้บึงสีไฟ ณ อุทยานบัว บึงสีไฟ หมู่ 5 ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เบื้องต้นได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสับเปลี่ยนเวรยาม ให้จัดรถน้ำดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ เพื่อเฝ้าระวัง เหตุเพลิงไหม้ซ้ำขึ้นอีก
3.ศบภ.มทบ.36 ได้ประสานกับ กอ.รมน.จังหวัด พ.จ.โดย รอง ฝ่ายทหาร และประสานปลัดจังหวัดพิจิตร แจ้งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงแต่ไม่ได้รุนแรงตามภาพข่าว และปัจจุบันสามารถควบคุมเพลิงได้แล้วไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่อย่างใด สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากประชาชนที่ไปหาของป่าหรือสัตว์ป่าแล้วจุดไฟ เพื่อให้สัตว์ป่าออกมา แล้วจับขาย ปัจจุบันจังหวัดพิจิตรได้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านมีให้ทำการจุดไฟเพื่อหาสัตว์ป่าและของป่า
และ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 36 ได้ประสานงานร่วมบูรณาการกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิจิตร โดย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิจิตร (ฝ่ายทหาร) รวมถึงประสานปลัดจังหวัดพิจิตร แจ้งให้ทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ปัจจุบันสามารถควบคุมเพลิงได้แล้วไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากประชาชนที่ไปหาของป่าหรือสัตว์ป่าแล้วจุดไฟ เพื่อไล่สัตว์ป่าออกมาแล้วจะขาย ปัจจุบันจังหวัดพิจิตรได้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านโดยไม่ให้ชาวบ้านราษฎรที่เข้าไปหาของป่าทำการจุดไฟเพื่อหาสัตว์ป่าและของป่าอีก
ซึ่ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 36 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิจิตร และจังหวัดพิจิตร จะร่วมกันเฝ้าระวังและตรวจตราติดตาม การเกิดไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดพิจิตรอย่างต่อเนื่อง
ภาพข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่
3
นกพิราบศูนย์ข่าวพิจิตร รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น