ผู้รับเหมาฟ้องกรมทางหลวงศาลปกครองชี้ให้เพิกถอนประกาศงานนี้จ่อคุกฮั้วประมูลงาน
สจ.คนดังเมืองชาละวัน อาชีพผู้รับเหมา เตรียมลุยกรมทางหลวงและแขวงทางหลวงพิจิตร หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแข่งขันประกวดราคารับเหมา หมูไม่กลัวน้ำร้อน ยื่นฟ้องศาลปกครอง วันนี้โชว์คำพิพากษาหลังชนะคดี เตรียมให้ทนายความประจำบริษัทลุยต่อ จ่อฟัน คดีอาญาฮั้วประมูลงาน งานนี้ระดับเจ้าหน้าที่มีติดร่างแห ไม่เว้นแม้แต่กรมทางหลวง
วันที่ 2 ธ.ค. 2562 ความคืบหน้าจากการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง โดย นายพิศ วิริยะอารีธรรม รองประธานสภา อบจ.พิจิตร ได้ให้ นายสมชาย วทัญญูคุณากร ทนายความ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง พิษณุโลก เป็นคดีหมายเลขดำที่ 161/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 86/2562 โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง เป็นผู้ฟ้องคดี กับ กรมทางหลวงที่ 1 แขวงทางหลวงพิจิตรที่ 2 ผู้อำนวยการแขวงการทางพิจิตร ที่ 3 ซึ่งทั้งหมดนี้ตกเป็นผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ออกคำสั่งมิชอบด้วยกฎหมาย โดยบรรยายฟ้อง มีใจความโดยย่อว่า แขวงทางหลวงพิจิตร ในช่วงที่มี นายเรวัติ บุบผะสิริ เป็น ผอ.แขวงทางหลวงพิจิตร ( ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว ) ได้ออกประกาศขายแบบประมูลงานรับเหมาโครงการก่อสร้างถนน 22 โครงการ เป็นเงิน 303 ล้านบาทเศษ ส่อเจตนากีดกันผู้รับจ้างรายอื่นโดยมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาโดยไม่ชอบธรรมและขัดต่อกฎหมาย ซึ่งในการประกวดราคาคราวนั้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง ได้ซื้อแบบและยื่นประมูลงาน 4 โครงการ ซึ่งได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 13-17 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฏว่าแขวงทางหลวงพิจิตรกลับตัดสิทธิ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง โดยอ้างว่าขาดคุณสมบัติ แล้วเรียกเอาผู้รับเหมารายอื่นที่เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ และราคาสูงกว่าห้าง พ.วิริยะก่อสร้าง มาเป็นผู้ทำสัญญาและได้งานไปทำ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มิชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ให้ทนายความดำเนินการฟ้องศาลปกครองพิษณุโลก ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2559 ซึ่งศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำสั่งรับคำฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ซึ่งมีการเรียกเอกสารและสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
จนในที่สุดเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 ศาลปกครองพิษณุโลก ได้อ่านคำพิพากษาตามที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง ผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนการประกาศกรมทางหลวง โดยศาลปกครองพิษณุโลกได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คือ กรมทางหลวง เรื่อง การประกวดราคาจ้างโครงการยกระดับความปลอดภัยบริเวณทางแยกขนาดใหญ่ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนเขาทราย-สากเหล็ก ด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ( e-bidding ) เลขที่ พจ. E-31/2560 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2559 เฉพาะในส่วนที่กำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเสนอราคาตามข้อ 6 โดยศาลปกครองพิษณุโลกเห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยทั้งนี้ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ออกประกาศดังกล่าว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ซึ่งผลจากคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลกในครั้งนี้ นายสมชาย วทัญญูคุณากร ทนายความของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง อธิบายให้ผู้สื่อข่าวฟังเพิ่มเติมว่า... จากคำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลกดังกล่าว จะเห็นได้ว่าศาลได้โปรดวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า การใช้ดุลพินิจกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเสนอราคาจ้างงานหรือผู้รับเหมาในเส้นทางหมายเลข 11 ข้างต้นนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ถูกฟ้องคดี ฉะนั้น จากผลของคำพิพากษา ห้าง พ.วิริยะก่อสร้าง ก็จะดำเนินการบังคับในส่วนคดีปกครอง เพื่อเพิกถอนกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับประกาศที่ถูกเพิกถอนทั้งหมด และจะดำเนินการเสนอพยานหลักฐานในส่วนนี้โดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลก ซึ่งถือเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ และเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในสำนวนคดีปกครอง ต่อ คณะกรรมการ ปปช. เพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญาฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ กับผู้ถูกฟ้องคดีในคดีปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่มีส่วนในการกำหนดคุณสมบัติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวต่อไป ทั้งอาจจะมีการพิจารณาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีไปถึงในส่วนความผิดฐานฮั้วประมูลอีกส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ สจ.พิศ วิริยะอารีธรรม ยังเปิดเผยอีกว่า... นอกจากจะร้องเรียนและเสนอพยานหลักฐานสำคัญเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อ ป.ป.ช .แล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.วิริยะก่อสร้าง ยังจะร้องเรียนไปยัง สตง. รวมถึงองค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตัวการ หรือ ผู้สนับสนุน ซึ่งคงมิใช่มีแค่กรมทางหลวง , แขวงทางหลวงพิจิตร และนายเรวัติ บุบผะสิริ ที่เป็น ผอ.แขวงทางหลวงพิจิตร ในช่วงนั้นเท่านั้น เพราะกระบวนการกำหนดคุณสมบัติผู้รับเหมาที่ ศาลปกครองได้พิพากษาว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เบื้องต้นจะต้องมีเจ้าหน้าที่พัสดุ เจ้าหน้าที่หรือนายช่างผู้ควบคุมงานเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการสืบสวนตรวจสอบถึงการกระทำ เพื่อดำเนินคดีต่อไป เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญของชาติ เนื่องจากแทนที่จะมีการใช้งบประมานแผ่นดินในจำนวนที่จำเป็นและคุ้มค่าที่สุด แต่กลับมีการเลือกเอาผู้รับเหมาที่เสนอราคาสูงกว่า โดยกำหนดคุณสมบัติในลักษณะเจาะจงและกีดกันมิให้มีการเข้าสู้ราคาอย่างเป็นธรรม ตัดสิทธิผู้รับเหมาอื่นที่เสนอราคาต่ำกว่า จึงส่งผลให้ประเทศชาติและเงินภาษีของประชาชนต้องถูกใช้ซึ่งมีจำนวนกว่า 3 ล้านบาทอย่างไม่จำเป็น ซึ่งอาจเข้าข่ายทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่อย่างไรก็ตาม ในคดีปกครอง ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามยังมีสิทธิในการอุทธรณ์ เพื่อต่อสู้คดีต่อไปได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นเช่นไร ซึ่งความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะได้รายงานให้ทราบต่อไป
สิทธิพจน์ พิจิตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น