วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

“เราคือครอบครัวเดียวกัน” กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีส่งทหารซึ่งรับราชการ ครบกำหนดและจะปลดจากกองประจำการ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก กลับภูมิลำเนา

“เราคือครอบครัวเดียวกัน” กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีส่งทหารซึ่งรับราชการ ครบกำหนดและจะปลดจากกองประจำการ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก กลับภูมิลำเนา
กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีส่งทหารซึ่งรับราชการครบกำหนดและ จะปลดจากกองประจำการ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก
   พลโท วิจักขฐ์  สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีส่งทหารซึ่งรับราชการ ครบกำหนดและจะปลดจากกองประจำการ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พร้อมให้โอวาท และกระทำพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลทหาร ซึ่งรับราชการครบกำหนดและจะปลดจากกองประจำการ ณ ลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561
   เนื่องด้วย ปัจจุบันมีทหารกองประจำการ ที่ได้รับราชการครบกำหนดตามพระราชบัญญัติ รับราชการทหาร พุทธศักราช 2497ในวันที่ 30 เมษายน 2561 และทางราชการจะปลดเป็นทหารกองหนุนกลับภูมิลำเนาเดิม ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 กองทัพภาคที่ 3 จึงได้จัด “พิธีส่งทหารซึ่งรับราชการครบกำหนดและจะปลดจากกองประจำการ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และกระทำพิธีสวนสนาม” ซึ่งมีทหารกองประจำการ ตั้งแต่รุ่นปี 2559 ผลัดที่ 1, รุ่นปี 2560 ผลัดที่ 1 และผลัดที่ 2 ของหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ประกอบด้วย กองทัพน้อยที่ 3, กองพลทหารราบที่ 4, กองพลพัฒนาที่ 3, กองบัญชาการช่วยรบที่ 3, มณฑลทหารบกที่ 39, โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช,กองพันทหารสื่อสารที่ 23 และกองร้อยกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,236 นาย ในส่วนพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพล มี พันโท ชาตินักรบ พรศิริรักษ์ เป็น ผู้บังคับกองผสม สำหรับการกระทำพิธีในครั้งนี้ เพื่อให้ทหารที่จะได้รับการปลดดังกล่าว ได้ตระหนักในสิทธิหน้าที่ของตน ที่จะต้องปฏิบัติเมื่อเป็นทหารกองหนุน และได้มีโอกาสกล่าวอำลา พร้อมทั้งรับฟังโอวาทจากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารที่ได้รับราชการครบ ตามระยะเวลา ตลอดจนเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวทหารกองหนุน ทั้งนี้ การเป็นทหารกองประจำการของทหารทุกนาย จะได้รับการดูแลและอบรมจากกองทัพภาคที่ 3 เป็นอย่างดี    
   ทำให้มีระเบียบ วินัย และความรับผิดชอบ สามารถนำไปปฏิบัติหลังการปลดจากกองประจำการ เพื่อไปดูแลชุมชน หรือหมู่บ้านของตนเอง รวมไปถึงการนำเอาความรู้ ทักษะ การฝึกต่างๆ และประสบการณ์ ที่ได้รับจากหน่วยทหาร นำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม ตลอดจนการประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นพลเมืองดีของชาติ เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมอีกด้วย นอกจากนี้ทหารกองประจำการทุกรุ่นก่อนปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน ทางกองทัพภาคที่ 3 จะจัดอบรมวิชาชีพตามที่ถนัดให้กับทหารทุกนาย โดยส่งอบรมที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานเขต 9 เพื่อพัฒนาและเพิ่มทักษะนำไปสู่การประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง และครอบครัว หลังปลดประจำการต่อไป หน้าที่ในการเป็นทหาร จะยังคงดำรงอยู่ และติดตัวพวกเราไปจนตราบสิ้นลมหายใจ ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นทหารเพียงหนึ่งวัน เปรียบเสมือน เป็นทหารตลอดชีวิต ความเป็นทหาร จะต้องปกป้อง และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะอยู่ที่ไหน ประกอบอาชีพอะไร หน้าที่ของทหาร คือต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ชุมชน และเป็นทหารกองหนุนที่ดีของชาติ เมื่อได้รู้ ได้เห็น สิ่งที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง ต้องถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องรีบรายงานกองทัพ หรือแจ้งต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทันที
   สำหรับธงชัยเฉลิมพลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของทหาร ที่ทหารทุกคนต้องเคารพสักการะ และพิทักษ์รักษาไว้ด้วยชีวิต ถือเป็นธงประจำหน่วยทหารที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ลักษณะของธงชัยเฉลิมพล มีความคล้ายกับธงชาติ ทำด้วยผ้าชนิดดี ตรงกลางมีตราเครื่องหมายประจำหน่วย ปักด้วยดิ้นทอง ยอดบนสุดเป็นโลหะทอง มีแถบริบบิ้นสีธงชาติห้อยชาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะทรงบรรจุ เส้นพระเจ้า พร้อมด้วยพระพุทธรูปที่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ชื่อ พระยอดธง ธงชัยเฉลิมพลถือเป็นเกียรติยศของทหารหน่วยนั้น เมื่อเวลาเข้าสู่สงคราม ทหารจะต้องรักษาธงชัยเฉลิมพลยิ่งชีพ
   ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวอวยพรให้ทหารทุกคนที่ปลดประจำการ เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมด้วยความปลอดภัย พร้อมทั้งแสดงความดีใจ และขอบคุณน้องๆทหาร ที่ได้ตั้งใจปฏิบัติงานช่วยเหลือหน่วย ด้วยความทุ่มเทและเสียสละ ตลอดจนให้น้องๆ ประพฤติตนเป็นแหล่งข่าวที่ดี สามารถแจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหว ของผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ ให้กับผู้บังคับบัญชาได้ตลอดเวลา และหากมีความเดือดร้อนในเรื่องใดที่ต้องให้ช่วยเหลือ ก็ให้แจ้งบอกกับผู้บังคับบัญชาได้ทุกวันเวลาเช่นกัน โดยให้ระลึกอยู่เสมอว่า “เราคือครอบครัวเดียวกัน” ตลอดไป
   ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่กำลังพลทหารทั้งหลายได้เข้ามารับราชการในกองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 นั้น  ได้รับการฝึกอบรมในวิชาทหาร ตลอดจนได้รับการเสริมสร้าง ให้เป็นคนมีระเบียบวินัย มีความรักหมู่คณะ รักกรมกอง  ซึ่งถือว่ากำลังพลทหารทุกนายเป็นผู้เสียสละเป็นอย่างมาก และขอให้ทหารทุกคนได้นำสิ่งที่ดี ที่ได้รับการปลูกฝังการอบรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวทหารและครอบครัวต่อไป  อีกทั้งขอให้กำลังพลทหารทุกคนตระหนักอยู่เสมอว่า กองทัพภาคที่ 3  คือ บ้านหลังที่ 2  ในยามใดที่บ้านเมืองเกิดศึกสงคราม และชาติบ้านเมืองต้องการกำลังพลทหารกองหนุน ขอให้ทหารทุกนายที่ปลดประจำการในครั้งนี้  กลับมารับใช้ชาติ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยต่อไป ซึ่งในพิธีสำคัญครั้งนี้มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่มาร่วมแสดงความยินดี และเป็นกำลังใจให้แก่ทหารที่เข้ารับการปลดประจำการทุกนาย ด้วย







































ข่าวทั่วไทย พิจิตร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 33 ดำเนินการ ผสมเทียมโคพันธุ์ชาร์โรเล่ ให้เกษตรกร อำเภอแม่ระมาดยกระดับรายได้ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรไทย   เมื่อ...