วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

มณฑลทหารบกที่ 35 ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ บรรยายให้ความรู้สิทธิ์การเลือกตั้งและข้อกฎหมาย หน้าที่ของพลเมืองออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้กำลังพลมณฑลทหารบกที่ 35

มณฑลทหารบกที่ 35 ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ บรรยายให้ความรู้สิทธิ์การเลือกตั้งและข้อกฎหมาย หน้าที่ของพลเมืองออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้กำลังพลมณฑลทหารบกที่ 35

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 พลตรี สุชาติ พุ่มสุวรรณ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 35 มีนโยบาย ให้เชิญ วิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.อุตรดิตถ์ ในการจัดกิจกรรมบรรยายให้ความรู้ ในการใช้สิทธิ์การเลือกตั้ง ตลอดจนกฎหมายต่างๆในการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการสร้างความตระหนัก ต่อหน้าที่พลเมืองในการออกไป ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นี้ ทั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จาก นาย ฉลองฤทธิ์ ศรีสูงเนิน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ. อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยผู้ตรวจการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ 4 ท่าน ร่วมให้ความรู้และตอบข้อซักถามต่างๆให้แก่กำลังพล ณ อาคารพิชัยระเริงพล มณฑลทหารบกที่ 35 ค่ายพิชัยดาบหัก อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์









ภาพข่าว- วีดีโอ -ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ธีรพงศ์ นาคแนม (นกพิราบศูนย์ข่าว จังหวัดพิจิตร)  โทร 0831671688 รายงาน** คนรู้จักพัก ทว่าไม่รู้จักพอ ** จิตอาสาพัฒนา เราทำความดีด้วยหัวใจ....ร่วมใจกันพัฒนา


เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงบริโภคเนื้อสัตว์ดิบ ป้องกันเสี่ยงโรคแอนแทรกซ์

เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงบริโภคเนื้อสัตว์ดิบ ป้องกันเสี่ยงโรคแอนแทรกซ์
อุตรดิตถ์ - สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์แจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ดิบทุกชนิด หลังมีการรายงานสถานการณ์การระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อวัวและควายที่ไม่ผ่านการปรุงสุกอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรง โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสามารถพบได้ในสัตว์กินหญ้า เช่น วัว ควาย แพะ และแกะ เชื้อโรคนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้หลายทาง ทั้งจากการสัมผัสสัตว์ป่วยหรือซากสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก และการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป อาการของโรคแอนแทรกซ์ในคนมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับช่องทางการรับเชื้อ หากเป็นการติดเชื้อทางผิวหนัง จะมีตุ่มแดง คัน และกลายเป็นตุ่มพองใส ก่อนจะแตกออกเป็นแผลดำคล้ายถูกไฟไหม้ หากเป็นการติดเชื้อทางเดินอาหาร จะมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ส่วนการติดเชื้อทางปอดเป็นรูปแบบที่รุนแรงที่สุด ทำให้มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่จะทรุดลงอย่างรวดเร็ว หายใจลำบาก และเสียชีวิตได้ในที่สุดทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อนอย่างทั่วถึง หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วยหรือซากสัตว์โดยตรง หากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ หรือมีอาการน่าสงสัย ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันทีนอกจากนี้ ควรดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด หากมีอาการผิดปกติหลังสัมผัสสัตว์หรือบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่มั่นใจ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การแจ้งเตือนครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของโรคแอนแทรกซ์ และร่วมกันป้องกันเพื่อความปลอดภัยของตนเองและส่วนรวม

แหล่งข่าว: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์

วันที่: 6 พฤษภาคม 2568

รายงาน ภากร แหลมหลัก

จิตอาสาภัยพิบัติกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 17 แจกจ่ายน้ำช่วยเหลือพระสงฆ์บนพื้นที่สูง ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ผลกระทบจากภัยแล้ง

จิตอาสาภัยพิบัติกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 17 แจกจ่ายน้ำช่วยเหลือพระสงฆ์บนพื้นที่สูง  ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ผลกระทบจากภัยแล้ง 

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 17 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 จัดกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติ พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร ช่วยเหลือที่พักสงฆ์อารามพระธาตุทันตา เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูง และน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภคแก่พระสงฆ์ โดยการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่พระสงฆ์ ณ อารามพระธาตุทันตา ต.แม่ปืม อ.เมือง จว.พะเยา  โดยได้ดำเนินการแจกจ่ายน้ำให้กับพระสงฆ์วัดห้วยผาเกี๋ยง จำนวน 6,000 ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของพระสงฆ์






ภาพข่าว- วีดีโอ -ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ธีรพงศ์ นาคแนม (นกพิราบศูนย์ข่าว จังหวัดพิจิตร)  โทร 0831671688 รายงาน** คนรู้จักพัก ทว่าไม่รู้จักพอ ** จิตอาสาพัฒนา เราทำความดีด้วยหัวใจ....ร่วมใจกันพัฒนา


ผู้บัญชาการกองพลพัฒนา 3 ปิดการฝึกอบรมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน (ส.อ.ร.ด.) ในพื้นที่ภาคเหนือ หลักสูตรขั้นสูง

ผู้บัญชาการกองพลพัฒนา 3 ปิดการฝึกอบรมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน (ส.อ.ร.ด.) ในพื้นที่ภาคเหนือ หลักสูตรขั้นสูง

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 68 เวลา 11.30 น.พล.ต.สกนธ์  เพชรทอง ผู้บัญชาการกองพลพัฒนา 3 เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกอบรมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน (ส.อ.ร.ด.) ในพื้นที่ภาคเหนือ หลักสูตรขั้นสูง ซึ่งทำการฝึกอบรมตั้งแต่ห้วงวันที่ 1 - 4 พ.ค. 68 โดยมี ส.อ.ร.ด.ประนอม  ทิวะพันธุ์  รองประธานสหพันธ์ สมาคม ส.อ.ร.ด. แห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี นายกสมาคม ส.อ.ร.ด. จังหวัดพิษณุโลก ให้การต้อนรับ โอกาสนี้ พล.อ. ดร. ศิริ ทิวะพันธุ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สหพันธ์สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดนแห่งประเทศไทย  ร่วมเป็นเกียรติในการประดับเข็มเครื่องหมายแก่ผู้ผ่านฝึก ฯ มีผู้สำเร็จการฝึกจำนวน 36 คน ณ ที่รับประทานอาหารนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารช่างที่ 3 ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ จังหวัดพิษณุโลก









ภาพข่าว- วีดีโอ -ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ธีรพงศ์ นาคแนม (นกพิราบศูนย์ข่าว จังหวัดพิจิตร)  โทร 0831671688 รายงาน** คนรู้จักพัก ทว่าไม่รู้จักพอ ** จิตอาสาพัฒนา เราทำความดีด้วยหัวใจ....ร่วมใจกันพัฒนา


❤️ จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ🌟ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 34 จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันกำลังสำรอง และวันวิสาขบูชา ประจำปี 2568

❤️ จิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ🌟ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 34 จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันกำลังสำรอง และวันวิสาขบูชา ประจำปี 2568

เมื่อวันที่ 6  พฤษภาคม 2568 ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 34  จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาสาธารณประโยชน์ ทำควมมสะอาด และปรับปรุงภูมิทัศน์เนื่องในวันกำลังสำรอง และวันวิสาขบูชา ประจำปี 2568 ณ วัดรัตนวนาราม ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จว.พะเยา  โดยมี กำลังพลสำรอง ในพื้นที่ จังหวัดพะเยา  และกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน ของหน่วย ร่วมกิจกรรมฯ ในครั้งนี้จำนวน 50 นาย














 
#จิตอาสา #มณฑลทหารบกที่34

#กองทัพภาคที่3 #กองทัพบก

ภาพข่าว- วีดีโอ -ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ธีรพงศ์ นาคแนม (นกพิราบศูนย์ข่าว จังหวัดพิจิตร)  โทร 0831671688 รายงาน** คนรู้จักพัก ทว่าไม่รู้จักพอ ** จิตอาสาพัฒนา เราทำความดีด้วยหัวใจ....ร่วมใจกันพัฒนา


“สภาเอสเอ็มอี” ผนึก “ไปรษณีย์ไทย” ผลักดันโครงการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย

“สภาเอสเอ็มอี” ผนึก “ไปรษณีย์ไทย” ผลักดันโครงการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย

นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ภายใต้ โครงการความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ณ ห้องประชุมภาณุพันธุวงศ์ อาคารภาณุรังษีไปรษณียาคาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ภายใต้ข้อตกลงนี้ ทั้งสองฝ่ายกำหนดที่จะสนับสนุนและร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ที่ครอบคลุมด้านผู้ประกอบการ ด้านแหล่งเงินทุน ด้านระบบชำระเงิน ด้านระบบขนส่ง ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านภาครัฐ ด้านกฎหมาย และด้านช่องทางอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยนำจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายและหน่วยงานพันธมิตรมาร่วมกันผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของ SMEs ไทยที่สมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการยกระดับการจัดการผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านการวางแผนการผลิต การรวมกลุ่มอาชีพ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างเต็มศักยภาพ ตลอดจนการส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ ปณท การจัดสรรพื้นที่สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และช่องทางอื่น ๆ ซึ่งเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดและเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการภายใต้โครงการความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย อีกทั้งยังสนับสนุนด้านการขนส่งและการกระจายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการภายใต้โครงการความร่วมมือในการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยให้สามารถจำหน่ายและจัดส่งผลิตภัณฑ์ได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศต่อไป ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทยในฐานะรัฐวิสาหกิจด้านการขนส่งที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน มีพันธกิจสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชนทั่วประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้กับสภาเอสเอ็มอี เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงบริการด้านขนส่งได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ห่างไกลหรือในเขตเมือง ด้วยเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์กว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงคนไปรษณีย์ที่พร้อมให้บริการถึงหน้าบ้าน”  “นอกจากนี้ เรายังมีแพลตฟอร์ม ThailandPostMart ที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการช่วยผู้ประกอบการขยายตลาดจากออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้าท้องถิ่น สินค้าเกษตร และสินค้าตัวท็อปใกล้ไกล ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในเมืองและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เรามีระบบจัดการออร์เดอร์ การชำระเงิน และบริการจัดส่งครบวงจรที่ช่วยให้ SMEs ไทยขายของได้ง่ายขึ้น ลดภาระงาน และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง ไปรษณีย์ไทยเชื่อมั่นว่า การส่งเสริม SMEs ไทย ไม่ใช่เพียงเรื่องของการส่งพัสดุ แต่เป็นการส่งโอกาส ส่งรายได้ และส่งความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ”นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภายใต้ข้อตกลงนี้ ถือเป็นการนำจุดแข็งของสภาเอสเอ็มอีและไปรษณีย์ไทย มาร่วมกันผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของ SMEs ไทยที่สมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้ สภาเอสเอ็มอียังส่งเสริมการยกระดับการจัดการผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านการวางแผนการผลิต การรวมกลุ่มอาชีพ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างเต็มศักยภาพ ตลอดจนการส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์” โครงการนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มช่องทางการขายให้กับ SMEs แล้ว ยังได้ข้อมูลที่สามารถนำไปวิเคราะห์หาแนวโน้มของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งกลับไปยังผู้ผลิตที่อยู่ในนิเวศนี้เพื่อนำไปวางแผนการผลิตได้อย่างเหมาะสมต่อไป









#ไปรษณีย์ไทย #ThaiPost #ปณท #สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย #สภาเอสเอ็มอี #ThaiSMEsCouncil #SMEs #เอสเอ็มอี #ระบบนิเวศ

เวทีเอฟเคไอไอ. ชี้ไทยเผชิญ3ภัยคุกคามใหญ่เสนอ“ทางออกประเทศไทย” หวั่นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนทำไทยโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารั้งท้ายอาเซียน

เวทีเอฟเคไอไอ. ชี้ไทยเผชิญ3ภัยคุกคามใหญ่เสนอ“ทางออกประเทศไทย” หวั่นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนทำไทยโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารั้งท้ายอาเซียน

นายอลงกรณ์ พลบุตร  ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบรรยายในงานเสวนาโต๊ะกลมของสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(FKII National Dialogue)“โอกาสหรือวิกฤติใหม่เศรษฐกิจไทยภายใต้สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน“ว่า  ประเทศไทยกำลังเผชิญภัยคุกคามใหญ่และความท้าทาย 3 ประการได้แก่ภูมิเศรษฐศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่เชื่อมโยงและส่งผลกระทบซับซ้อนต่อกัน ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม “เศรษฐกิจของเราโตต่ำโตช้าและอ่อนแอเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างจากปัญหาหลักๆเช่นปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน การขาดดุลงบประมาณ ความเหลื่อมล้ำ ขีดความสามารถในการแข่งขัน การพึ่งพาการส่งออก การวิจัย เทคโนโลยีการศึกษาและการคอรัปชั่น ปัญหาเหล่านี้คือจุดอ่อนจุดตายโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะส่งผลกระทบซ้ำเติมประเทศไทยรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดไอเอ็มเอฟ.(IMF)ประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตจากเดิม 2.9% (คาดการณ์ในเดือนมกราคม 2568) เหลือ1.8%ถือว่าต่ำสุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเซียและรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งมูดีส์ประกาศปรับลดแนวโน้ม(Outlook)อันดับเครดิตของประเทศไทยจากStableสู่สถานะNegative (เชิงลบ)ถือเป็นสัญญาณอันตรายล่าสุดซึ่งประเทศไทยต้องยกเครื่องปฏิรูปครั้งใหญ่ทันทีอย่างต่อเนื่องจริงจังปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเช่นการปรับสมดุลระหว่างเศรษฐกิจในประเทศกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เร่งกระจายตลาดลดความเสี่ยงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนพร้อมกับเดินหน้าลดโลกร้อนมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี2050และในทางยุทธศาสตร์ต้องยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลางนโยบายการต่างประเทศทั้งการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ“ อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ปัจจุบันเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงโอกาสของการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า “การค้าระหว่างสองประเทศคิดเป็นสัดส่วน 3% ของตลาดการค้าโลกซึ่งมีมูลค่า24 ล้านล้านดอลลาร์โดยเมื่อปี 2024 มูลค่าการส่งออกนำเข้าของสหรัฐและจีนอยู่ที่ 582.4 พันล้านดอลลาร์ โดย สหรัฐส่งไปจีน 143.5 พันล้านดอลลสาร์ และจีนส่งไปสหรัฐ 438.9 พันล้านดอลลาร์ซึ่งองค์การการค้าโลก(WTO)มองว่าถ้าสงครามการค้ายังสู้กันด้วยการขึ้นภาษีทำให้2ชาติมหาอำนาจยุติการค้าขายกันแต่ตลาดโลกอีก97%ก็ยังค้าขายต่อไปได้และนี่คือโอกาสในวิกฤตที่มองเห็นได้ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการเมืองของทั้ง2มหาอำนาจและอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงลำดับต้นๆที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและนโยบายทรัมป์ 2.0 เสนอ”ทางออก ทางเลือก และทางรอด“ทางด้านนายชยดิฐ หุตานุวัตร์ ประธานสถาบันทิวา และ ผู้อำนวยการ FKII  Thailand กล่าวว่า ”ไทยเสนอแนวทางใหม่ฝ่าวิกฤตโลก: การอยู่อย่าง ยั่งยืน ทางเลือกสู่อนาคตที่ ชีวิตดี สังคมดี โลกดี ท่ามกลางยุคที่โลกผันผวนจากสงครามการค้า วิกฤติพลังงาน ภูมิอากาศ และสังคมสูงวัย ประเทศไทยต้องเร่งหา “ทางออก ทางเลือก และทางรอด” โดยนำ 5 จุดเเข็งของประเทศไทย คือ 3F2H: Forest, Farm, Food, Health และ Hospitality มาเป็นแกนหลัก เราเสนอแนวคิด Sustainable Longevity Living  โดยยึดหลักการ พึ่งพาตนเอง Self-Sustainable และชู 3 แกนหลัก คือ Localization การใช้ทรัพยากรท้องถิ่น, Deurbanization การกระจายประชากรออกจากเมือง, และ Rural Revitalization การฟื้นฟูชนบท แนวคิดนี้ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม แต่สร้าง “คุณภาพชีวิต” ที่แท้จริง Sustainable Longevity Living เป็นการผสมผสานเกษตรอินทรีย์  อาหารปลอดภัย การเรียนรู้ และชุมชนร่วมดูแลกัน เป็นทางรอดของคนรุ่นใหม่และผู้สูงวัย ในโลกที่ต้องการ “อยู่ดี” อย่างยั่งยืนไทยสามารถเป็นต้นแบบของเศรษฐกิจที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและขับเคลื่อน แนวคิดใหม่  “ชีวิตดี สังคมดี โลกดี” ด้วยพลังจากรากหญ้า นี่ไม่ใช่เพียงการอยู่รอด แต่คือการสร้างอนาคตใหม่อย่างยั่งยืนร่วมกัน“ “3 ปมไทยอ่อนแอ ไร้ยุทธศาสตร์-คอรัปชั่นฝังลึก-ศึกษาล้มเหลว”นายเกษมสันต์ วีระกุล ประธานซีเอ็ดนักวิชาการอิสระ สื่อมวลชน ผู้เชี่ยวชาญด้านประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กล่าวว่า   สงครามการค้าครั้งนี้จะจบลงเหมือนสงครามครั้งแรกที่จีนเป็นผู้ชนะ และเวียดนามจะเป็นผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดในอาเซียน ถึงแม้จะไม่มีสงครามการค้า เศรษฐกิจไทยก็อ่อนแออย่างมากอยู่แล้ว การเจริญเติบโตต่ำมาต่อเนื่องยาวนาน สาเหตุสำคัญคือการที่ไทยไร้ยุทธศาสตร์ คอร์รัปชันฝังรากลึกและระบบการศึกษาที่ล้มเหลว

ดังนั้นเพื่อที่จะสร้างโอกาสให้ประเทศไทย และสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ เราควรทำ 3 เรื่องด้วยกันคือ

1.รื้อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้วเขียนใหม่ให้เป็นยุทธศาสตร์แบบที่ประเทศที่เขาพัฒนาได้สำเร็จเขียนกัน เช่นสิงคโปร์

2.เร่งแก้ไขคอร์รัปชันด้วยการปราบ แบบเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสังคมอุปถัมภ์เช่นเดียวกับไทยแต่ก็ยังปราบคอร์รัปชันได้สำเร็จ

3.เร่งปฏิรูปการศึกษา โดยใช้ AI แบบ  Khanmigo ของ Khan Academy ซึ่งจะเปลี่ยนห้องเรียนแบบที่คนไทยคุ้นเคยให้เป็นห้องเรียนที่กลับหัวกลับหางหรือ flipped classroom ทำให้เกิดการเรียน Active Learning“รัสเซีย โมเดล กับโอกาสของไทยในสงครามการค้า 2.0” ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน อดีตอัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงปักกิ่งผู้เชี่ยวชาญด้านจีน

วิเคราะห์ว่าโอกาสหรือวิกฤติของไทยในสงครามการค้า 2.0ดังนี้

1. การท่องเที่ยว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของประเทศไทยและสินค้า/บริการของไทยถดถอยลง จากเป็นบวกสู่มิติเชิงลบ ทำให้คฝนีกท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลงเดือนละกว่า 1 หมื่นคนนับแต่ต้นปี แต่ไทยยังมีโอกาสอยู่มากในการกลับไปสู่จุดเดิมของนักท่องเที่ยวปีละ 10 ล้านคน โดยเราต้องรีแบรนด์ประเทศและสินค้า/บริการของไทยในสายตาของคนจีน ต้องยึดหลัก “สร้างข่าวบวก 3 ข่าวทุกครั้งที่มีข่าวเชิงลบ 1 ข่าว” นั่นหมายความว่า ไทยต้องลงทุนกับการสร้างคอนเท้นต์สำหรับตลาดจีน เรายังสามารถเรียนลัดจาก Russia Model ในการพัฒนาตลาดสินค้ารัสเซียในจีนผ่านออฟไลน์และออนไลน์

2. การค้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สินค้าและบริการของไทยพัฒนาขีดความสามารถแข่งขันน้อยมาก ขณะที่สินค้าและบริการของจีนพัฒนาคุณภาพและแบรนด์อย่างต่อเนื่องจนทั้ง ”ถูกและดี“ ซึ่งหากเรามองในแง่ของการค้าทวิภาคี เราคงอยากลดการค้ากับจีนเพื่อลดการขาดดุลการค้า แต่เนื้อแท้แล้ว หากพิจารณาจากมุมมองของการค้าพหุภาคี การค้ากีบจีนอาจช่วยให้ไทยลดการขาดดุลการค้า เพราะเป็นการลดการนำเข้าโดยรวม สิ่งสำคัญก็คือ ไทยต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระดับระหว่างประเทศ

3. การลงทุนและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ผลจาก BRI, Made in China 2025 และสงครามการค้าและเทคโนโลยี การลงทุนของจีนในต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยก็เป็นประเทศจุดหมายปลายทางของการลงทุน ไทยจึงควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ระบบการศึกษา และระบบราขการ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายและการปราบปรามคอรัปชั่น ทั้งระบบนิเวศอย่างจริงจังเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม.

   













มณฑลทหารบกที่ 35 ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ บรรยายให้ความรู้สิทธิ์การเลือกตั้งและข้อกฎหมาย หน้าที่ของพลเมืองออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้กำลังพลมณฑลทหารบกที่ 35

มณฑลทหารบกที่ 35 ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ บรรยายให้ความรู้สิทธิ์การเลือกตั้งและข้อกฎหมาย หน้าที่ของพลเมืองออกไ...