วันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 20.00 น. จับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการ พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ , พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.กล้า สมบัติพิบูลย์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการให้ ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทาง ด.ต.จิตรธวัช สุวรรณโชติ, ด.ต.อมรรัตน์ ทริเพ็ง, จ.ส.ต.ศรายุทธ ชิวปรีชา, จ.ส.ต.ชนวีร์ ประคองจิตต์ ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ2กองบังคับการตำรวจทาง ได้จับกุม น.ส.วิจิตาฯ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 104/2567 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ในความในความผิดฐาน “หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังเช่นว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวงและฉ้อโกงผู้อื่น”ก่อนจับกุม น.ส.วิจิตาฯ ผู้ต้องหา ได้โพสต์ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊ก อ้างว่าตนเองเป็น นายหน้าสามารถพาคนไปทำงานพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ประเทศสิงคโปร์ และอีกหลายประเทศได้และสามารถวิ่งทำวีซ่าได้ ต่อมาเมื่อมีผู้สนใจติดต่อมาจะทำทีเป็นขอข้อมูลส่วนตัวอ้างว่าจะไปทำเอกสารในการเดินทางออกนอกประเทศและเรียกเก็บค่านายหน้าในการดำเนินการเป็นเงินจำนวนประมาณ 4-5 แสนบาท แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมายในการเดินทาง ผู้ต้องหากลับไม่เดินทางมาตามนัดหมาย ต่อมาน.ส.วิจิตาฯ ได้ถูกกลับไม่เดินทางมาตามนัดหมาย ต่อมาน.ส.วิจิตาฯ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์จับกุมดำเนินคดี แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาหลบหนีในชั้นศาลอีก ศาลเลยออกหมายจับอีกครั้ง กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสืบสวนทราบว่า น.ส.วิจิตาฯ จะเดินทางมาโดยรถโดยสารสาธารณะผ่านยังที่บริเวณริมถนนพระราม 2 ขาออก ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าตำรวจจึงได้ลงพื้นที่จับกุมได้ดังกล่าว โดยขณะเข้าจับกุม น.ส.วิจิตาฯ ยืนยันว่า ตนเองเป็นผู้ชายจริงๆ จนภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเอกสารและยืนยันตัวบุคคล จึงยอมรับสารภาพ โดยเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกง จะเอาไปใช้จ่าย และเล่นการพนันบาคาร่า พอโดนจับได้ก็พยายามขอชดใช้เงินคืนให้กับผู้เสียหาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาดำเนินคดีต่อไป และนอกจากนี้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมย้อนหลังไปพบว่าเคยถูกออกหมายจับในลักษณะเดียวกันหลายพื้นที่ แต่ถูกถอนหมายจับไปแล้วเนื่องจากผู้ต้องหาได้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย แต่ยังคงมีหมายจับ ฉ้อโกง ของ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ติดตัวอยู่ จึงประสาน พงส.อายัดตัวไปดำเนินคดีต่อที่เชียงใหม่
มงคลชัย ใจธรรมมะ รายงานข่าว
ทีมข่าว อาชญากรรม
ทีมข่าว อาชญากรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น